มีพระกัลยาณมิตรรูปหนึ่ง เขียนจดหมายมา ท่านใช้คำว่า “ขอแสดงอาบัติ” กับคุณครูไม่ใหญ่ ที่จริงอยากอ่านตามลำพัง แต่มีหลายข้อที่ท่านเขียนมา อาจจะไปตรงกับใจใครบางคน จะได้ถือโอกาสตรงนี้ชี้แจง ทำความเข้าใจกันสักนิด
ที่จริงถึงไม่ได้แสดงอาบัติ หรือมาขอขมาอะไร ก็ให้ไปหมดแล้ว เพราะครูไม่ใหญ่อยากจะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีเวร ไม่มีภัยกับใคร อยากจะไปอย่างสบาย ๆ ใจใส ๆ แต่นี่ก็เป็นความงามของพุทธบุตรที่ท่านเมื่อมีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นแล้ว ท่านจะแสดง ไม่ปกปิด จะเปิดเผย เพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์ เพราะท่านมีพระนิพพานเป็นเป้าหมาย
นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านเขียนมาก็จะอ่านย่อ ๆ ท่านบอกว่า
ท่านเคยมีอคติในใจ ที่ยังไม่กล้าบอกกับใครในส่วนลึกก้นบึ้งหัวใจ ซึ่งอาจจะไปตรงกับความคิดของคนอื่น ๆ ที่มีต่อวัดพระธรรมกาย ก็พูดง่าย ๆ กับครูไม่ใหญ่นั่นแหละ แต่เขามักจะเหมารวม ๆ เป็นวัดพระธรรมกาย ไม่รู้เป็นยังไง
ที่จริงว่าครูไม่ใหญ่โดยตรงจะดีกว่า เพราะว่าพระธรรมกาย บาปนะ ว่าครูไม่ใหญ่ไม่เป็นไร เพราะไม่ถืออยู่แล้ว ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร มันไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องเหล่านี้ นี่ก็ใกล้จะตายแล้ว อยากได้บุญ อยากจะทำงานพระศาสนา เพราะคำว่า ธรรมกาย เป็นคำสูง หมายถึงพระพุทธเจ้าที่อยู่ภายในตัว หมายถึงพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้นคำนี้ ถ้าใครรู้สึกไม่ชอบหน้าครูไม่ใหญ่ ก็ขอให้ใช้ตรง ๆ เลย ธัมมชโยบ้าง อย่างนั้น อย่างนี้ อะไรก็ว่ากันไปเถอะ
1. วัดพระธรรมกายเป็นวัดทุนนิยม เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นทางวัดจะหาวิธีแก้ด้วยเงินอย่างเดียว
คุณครูไม่ใหญ่:
ไม่ใช่วัดทุนนิยมนะ เป็นวัดบุญนิยม คือ นิยมเรื่องสร้างบุญ สร้างบารมี ถ้าจะบ้าก็บ้าเรื่องนี้แหละ บ้าสร้างบุญ สร้างบารมี ชวนเขาไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ
ไม่ใช่วัดทุนนิยมนะ เป็นวัดบุญนิยม คือ นิยมเรื่องสร้างบุญ สร้างบารมี ถ้าจะบ้าก็บ้าเรื่องนี้แหละ บ้าสร้างบุญ สร้างบารมี ชวนเขาไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ
(อ่านต่อ ตอน 2)