แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทาน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทาน แสดงบทความทั้งหมด

เช้า ๆ ตื่นมาใส่บาตรกันเถอะ



การให้ข้าว ให้น้ำ ให้อาหารหวานคาว และจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระภิกษุสามเณร ผู้ประพฤติธรรม เราจะได้อานิสงส์ ๕ ประการ คือ ได้อายุ วรรณะ สุขะ พละ และก็ปฏิภาณ
1.      อายุ การเป็นผู้มีอายุยืนยาว ไม่มีโรค ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ
2.      วรรณะ การมีวรรณะความผ่องใสของผิวพรรณ ก็จะเป็นที่ดึงดูดตา ดึงดูดใจ น่าเลื่อมใส แลดูงามทุกวัย เหมือนอย่างมหาอุบาสิกาวิสาขา
3.      สุขะ ได้ความสุข คือ ความสบายกาย ความสบายใจ ความแช่มชื่น เบิกบาน
4.      พละ มีพละกำลังแข็งแรง
5.      ปฏิภาณ  มีปฏิภาณไหวพริบเฉลียวฉลาด
ทั้งอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ จะเป็นของเรา
คุณครูไม่ใหญ่

19 มกราคม พ.ศ. 2547
1

อานิสงส์ให้ทานโดยไม่เคารพ

  
พระบรมศาสดา  ทรงตรัสเล่าเรื่องเวลามพราหมณ์ ว่าด้วยการให้ทานที่มีผลมาก  แก่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
บุคคลผู้ให้ทานที่ประณีตหรือไม่ก็ตาม  หากให้โดยไม่เคารพในทาน ไม่ทำความนอบน้อมในทาน  ไม่ได้ให้ด้วยมือของตนเอง  ให้ของที่เหลือเดน  แล้วให้ทานโดยไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม คือ ให้ไปอย่างนั้นเอง  แต่ก็ไม่ได้เชื่อว่าจะมีผลอะไรต่อไป  คือให้ ๆ ไปให้พ้นหูพ้นตา ทานนั้น ๆ จะส่งผลให้เขา
เมื่อไปเกิดในที่ใดก็ตาม
แม้มีทรัพย์มาก  จิตของผู้นั้นย่อมไม่ยินดีที่จะทานอาหารอย่างดี  จะรับประทานแต่ของเก่า  ค้างคืน  
แม้มีทรัพย์มาก  ย่อมไม่ยินดีที่จะใช้ผ้าเนื้อดี  ชอบแต่ผ้าเนื้อหยาบ
แม้มีทรัพย์มาก  ย่อมไม่ยินดีที่จะใช้พาหนะดี ๆ ชอบแต่ของเก่า ๆ
แม้มีทรัพย์มาก  ย่อมไม่ยินดีที่จะทรัพย์นั้นมาบำรุงบำเรอด้วยสิ่งที่ตนปรารถนา 
แม้บริวารของผู้ให้ทาน คือ บุตร ภรรยา ทาส คนรับใช้  เป็นต้น  ก็ไม่เชื่อฟัง เหล่านี้เป็นผลแห่งกรรมที่ทำทานโดยไม่เคารพ  ไม่ตระหนักเห็นคุณค่าในการทำทาน  
ส่วนบุคคลผู้ให้ทานที่ประณีตหรือไม่ก็ตาม  ถ้าให้ทานโดยเคารพ  ทำความนอบน้อมในทาน  ให้ทานด้วยมือของตนเอง  ให้ของที่ไม่เหลือเดน  และให้ทานโดยเชื่อกรรมและผลของกรรม  ทานนั้นจะส่งผลให้เขา
เมื่อไปเกิดที่ใดก็ตาม  จิตของเขาย่อมน้อมไปเพื่อรับประทานอาหารอย่างดี ย่อมยินดีในการใช้ผ้าเนื้อดี  ย่อมยินดีในการใช้ยานพาหนะดี ๆ  จิตของเขาย่อมยินดีในการบำรุงบำเรอด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา  แม้บริวารของผู้ให้ทาน คือ บุตร ภรรยา  ทาส  คนรับใช้  เป็นต้น  ย่อมเชื่อฟัง  ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งกรรมที่ทำทานโดยเคารพ 
คุณครูไม่ใหญ่
วันศุกร์ที่  ๑๖  มกราคม พ.. ๒๕๔๗



5

อานิสงส์ของการให้




ในสมัยพุทธกาล พระราชธิดาของพระเจ้าโกศลพระนามว่า  สุมนา เมื่อยังทรงพระเยาว์มีพระชนม์ได้ พระชันษา ทรงทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่เป็นอจินไตยเกิดขึ้น แต่ได้เก็บไว้เป็นความลับไม่กล้าบอกใคร เพราะเกรงว่าเขาจะไม่เชื่อ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อพระวิหารเชตวันสร้างเสร็จใหม่   พระเจ้าโกศลรับสั่งให้พระราชธิดาไปรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  หลังจากที่ถวายบังคมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บูชาด้วยของหอมและดอกไม้แล้ว  ได้ประทับนั่งในที่อันควรแล้วจึงได้ตรัสเล่าถึงเรื่องที่ทรงสงสัยว่า
หม่อมฉันเห็นเด็ก คน  เพิ่งเกิดใหม่ คนหนึ่งนอนอยู่ในเปลทอง อีกคนหนึ่งนอนที่พื้นใกล้ กัน เด็กที่นอนในเปลทองเป็นน้องชายของหม่อมฉัน ได้คุยกับเด็กที่นอนบนพื้นซึ่งเป็นลูกของหญิงรับใช้ว่า  เห็นมั๊ย  ท่านไม่เชื่อคำชักชวนของเราว่า ให้ทำทานตั้งแต่ชาติที่แล้ว ถ้าทำทานก็จะได้เกิดในอู่ทองแล้วก็มีสมบัติใหญ่อย่างนี้
เด็กชายที่นอนที่พื้นบอกว่า ถึงจะร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองแค่ไหน มันก็เป็นแค่ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟเท่านั้น ไม่เห็นว่าจะสำคัญอย่างไร จะได้นอนเปลทอง หรือว่านอนบนพื้นมันก็เหมือนกัน 
เด็กชายสองคนคุยกันตั้งแต่แบเบาะ  พระนางสุมนา ซึ่งมีวัยเพียง ขวบ  ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง และได้นำมาตรัสถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ก็ทรงยืนยันว่า สิ่งที่เธอเห็นเป็นจริงอย่างนั้น 
พระนางสุมนาจึงกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อว่า “คน คน มีศรัทธา มีศีล มีปัญญาเสมอกัน แต่คนหนึ่งให้ทาน อีกคนหนึ่งไม่ให้ทาน คนทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างไร”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ให้ย่อมได้รับสิ่งอันเลิศกว่าผู้ไม่ให้ ทั้งอายุ วรรณะ สุขะ ยศ และอธิปไตย  ผู้ให้ทานเวลาไปเกิดเป็นเทวดา ย่อมได้รับของที่เป็นทิพย์อันเลิศกว่าผู้ไม่ให้ ๕  ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตย อายุจะยืนกว่าเทวดาที่ไม่ได้ให้ทาน วรรณะก็คือ รัศมี  ผู้ให้ก็จะเป็นเทวดาที่รัศมีสว่างกว่าเทวดาที่ไม่ได้ให้  จะมีความสุขมากกว่า มียศใหญ่กว่า มีอธิปไตย คือ มีความเป็นใหญ่  มีบริวารมากกว่า  ผู้ให้กับผู้ไม่ให้  เมื่อตายแล้วไปอยู่บนสวรรค์ก็แตกต่างกันอย่างนี้
และเมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็แตกต่างกันโดยเหตุ ประการนี้  นั่นคือตอนเป็นมนุษย์ เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่อายุ ผิวพรรณ วรรณะ ความสุข ยศ และความเป็นใหญ่ และแม้ออกบวชแล้ว ก็แตกต่างกันโดยธรรม ประการนั้นเช่นเดียวกัน
อีกเรื่องหนึ่ง มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง ไม่เคยทำทานเลย ได้แต่รักษาศีล และเจริญภาวนาเรื่อยมา ในชาติสุดท้าย เกิดมาก็อด อยาก แม้บวชเป็นบรรพชิตแล้วก็ยังบิณฑบาตรได้บ้างไม่ได้บ้าง  แต่ทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์  ได้ฉันอาหารอิ่มมื้อเดียวตอนก่อนจะดับขันธปรินิพพาน  โดยที่พระสารีบุตรไปบิณฑบาตมาแล้วก็เอามือจับบาตรนั้นท่านจึงได้ฉัน  นี่ผู้ที่ไม่ทำทานมาต้องอาศัยบุญของคนอื่นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นแม้เป็นบรรพชิตเหมือนกัน  แต่ผู้ให้กับผู้ไม่ให้ก็แตกต่างกันด้วยอายุ วรรณะ สุขะ ยศ และอธิปไตย แต่การบรรลุมรรคผลนิพพานนั้นไม่แตกต่างกัน  พูดง่าย ก็คือ คนที่เป็นผู้ให้จะร่ำรวย  สมบูรณ์  มีความสุขสบายกว่าผู้ที่ไม่ให้ ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นชาวสวรรค์  ไปเกิดเป็นมนุษย์  หรือเป็นพระ  เป็นนักบวชก็ตาม  เพราะฉะนั้นจึงควรหมั่นทำทานบ่อย   เราจะได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบายไปทุกภพทุกชาติ

คุณครูไม่ใหญ่

วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.. ๒๕๔๔

 

5

Facebook