แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมาธิ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมาธิ แสดงบทความทั้งหมด

มานั่งสมาธิกันเถอะ

ถ้ามนุษย์ทุกคนในโลกรู้ว่า
เป้าหมายชีวิตคืออะไร
โลกจะเกิดสันติสุข
สันติภาพโลกจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
 แต่ทุกคนในโลกที่เกิดมา ไม่ค่อยจะรู้เป้าหมายของชีวิต ชีวิตจึงไม่มีเป้าหมาย การดำเนินชีวิตก็สะเปะสะปะไปอย่างนี้
เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้เป้าหมายของชีวิต การดำเนินชีวิตก็ถูกต้อง ปิดอบาย ไปสวรรค์ มีสุขในปัจจุบันแล้วก็ดับทุกข์ได้ และเป้าหมายของชีวิตอันนี้ก็ได้มาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ทรงบรรลุเป้าหมายของชีวิตแล้ว และสั่งสอนอบรมเรื่อยมาตกทอดมาถึงพวกเรา
ครูไม่ใหญ่ก็นำคำสอนของท่านมาถ่ายทอดต่อว่า เป้าหมายชีวิต คือการทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ เพราะชีวิตมีทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูงล้วนมีทุกข์
ชนชั้นล่าง..ก็ทุกข์แบบชนชั้นล่าง
ชนชั้นกลาง..ก็ทุกข์แบบชนชั้นกลาง
ชนชั้นสูง..ก็ทุกข์แบบชนชั้นสูง
ไม่มีใครที่ไม่มีทุกข์เลย มีทุกข์ทุกคน เพราะฉะนั้นการสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์จึงเป็นเป้าหมายชีวิตที่สำคัญ และ "สมาธิ" นี่แหละจะช่วยได้ และ ต้องสมาธิด้วย ดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านวิธีการต่าง ๆ มาที่จะดับทุกข์ มาพบตอนนั่งสมาธิที่ใต้ต้นโพธิ์นั่นแหละตรงนั้นแหละจ๊ะ

คุณครูไม่ใหญ่

13 กันยายน พ.ศ. 2552
0

สติกับสบาย



สติกับสบาย

เมื่อเราได้กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอา
ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรด
นิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเรา
เบา ๆ หลับพอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา
อย่ากดลูกนัยน์ตา ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลม
ในตัวเดินได้สะดวก เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย

ความสบายนี้เป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรม สติกับสบาย
จะต้องไปคู่กัน ไม่ว่าเราจะปฏิบัติธรรมด้วยวิธีการอย่างไร จะปฏิบัติ
แบบไหนก็ตาม หลักมีอยู่ว่าจะต้องให้สติกับสบายไปคู่กัน

สติ จะต้องระลึกนึกถึงสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำสั่งสอน
ถ้าของหลวงปู่วัดปากนํ้า ท่านให้กำหนดบริกรรมนิมิตเป็นดวงใสกับ
บริกรรมภาวนา สัมมา อะระหัง จะต้องไม่เผลอจากบริกรรมทั้งสอง


อย่างนี้เรียกว่า มีสติ แต่วิธีการกำหนดสตินั้นต้องทำอย่างสบาย ๆ
ตรงนี้สำคัญ อย่าฟังผ่านกันนะ

สติกับสบายทั้งสองจะต้องไปคู่กันตลอดเส้นทาง
ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งถึงที่หมายปลายทาง ถ้าไป
ด้วยกันเมื่อไรจะทำให้ใจเราหยุดนิ่งได้ง่าย และหลังจาก
ใจหยุดแล้วก็จะเข้าถึงดวงธรรมภายใน หลักก็มีอยู่
อย่างนี้ อย่านั่งแบบขุ่นมัวเร่าร้อนหรือนั่งแบบฮึดฮัด
อย่างนี้ไม่ได้ผล จะต้องทำอารมณ์ให้สบาย ๆ

สำหรับท่านั่งที่กล่าวไปเบื้องต้นนั้น เป็นท่านั่งมาตรฐานของ
การปฏิบัติธรรม ซึ่งหลวงปู่วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านถอดแบบ
มาจากผู้รู้ภายใน คือ พระธรรมกายภายในนั่นเอง

พระธรรมกายภายในเป็นผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรม
ทั้งหลาย ท่านมีปกตินั่งอย่างนี้ คือ นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้าย โดยเฉพาะนิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือ
ข้างซ้ายตรงนี้สำคัญนะ แล้วถ้าเราดึงฝ่ามือทั้งสองให้ชิดติดลำตัวได้
กายจะตั้งตรงทีเดียว นี่คือท่านั่งมาตรฐาน เป็นท่านั่งที่สมบูรณ์
เป็นท่านั่งที่เราควรจะศึกษาเอาไว้ให้ดี

แต่ในแง่การปฏิบัติจริง ๆ ที่บ้านเราจะนั่งท่าไหนก็ได้ให้อยู่ใน
อิริยาบถที่สบาย จะนั่งพิงข้างฝา นั่งห้อยเท้า หรือนั่งพับเพียบก็ได้
ให้มีความรู้สึกว่าร่างกายสบาย แล้วก็กำหนดสติกับสบายไปคู่กัน
29
แล้วก็สำรวจตรวจตราดูว่า มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเราเกร็งมั้ย
สังเกตดู ตรวจตราดูให้ดี


วิธีปรับใจให้สบาย
เมื่อร่างกายอยู่ในท่าที่ถูกส่วนแล้ว ต่อจากนี้ก็ปรับใจของเราให้
สบาย ๆ ใจจะสบายได้มีวิธีคิดในเรื่องสบายอยู่หลายวิธี พระพุทธเจ้า
ท่านแนะนำสั่งสอนมีอยู่ถึง ๑๐ วิธี เขาเรียกว่า อนุสติ 10* ตั้งแต่
พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นต้น คือถ้าใจคิดอย่างนั้น
แล้วอารมณ์สบายปลอดโปร่ง นั่นเป็นวิธีการหนึ่ง

บางท่านอาจจะนึกถึงธรรมชาติทำให้อารมณ์รู้สึกสบาย ปลอดโปร่ง
มีอารมณ์อยากจะนั่งทำภาวนา อยากจะทำใจให้หยุดนิ่ง อย่างนี้ก็มี

แต่วิธีลัดที่สุดก็คือ ทำใจให้ว่าง ๆ นิ่งเฉย ๆ ทำตัว
ประหนึ่งว่า เราอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีพันธะผูกพันกับ
เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษาเล่าเรียน
เรื่องครอบครัว เรื่องธุรกิจการงาน หรือเรื่องอะไรที่
นอกเหนือจากนี้ ทำเป็นเหมือนกับว่าเราอยู่คนเดียว
ในโลกจริง ๆ หรือสมมติตัวเราอยู่กลางอวกาศโล่ง ๆ
---------------
* อนุสติ ๑๐ คือ ๑. พุทธานุสสติ - ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ๒. ธัมมานุสสติ - ระลึกถึงคุณ
พระธรรม ๓. สังฆานุสสติ - ระลึกถึงคุณพระสงฆ์ ๔. สีลานุสสติ - ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา
. จาคานุสสติ - ระลึกถึงทานที่ตนบริจาค ๖. เทวตานุสสติ - ระลึกถึงคุณที่ท􀄘ำให้คนเป็น
เทวดา ๗. มรณัสสติ - ระลึกถึงความตาย ๘. กายคตาสติ - ระลึกทั่วไปในกายให้เห็นว่า
ไม่งาม ๙. อานาปานสติ - 􀄘ำหนดลมหายใจเข้าออก ๑๐ . อุปสมานุสสติ - ระลึกถึงธรรม
เป็นที่สงบระงับกิเลสและความทุกข์ คือ นิพพาน


ไม่มีสรรพสัตว์สรรพสิ่ง คน สัตว์ สิ่งของไม่มี อย่างนี้
เป็นทางลัดที่จะทำให้ใจเราปลอดโปร่งสบาย
คำว่า สบายของหลวงพ่อในที่นี้
สบายเบื้องต้นก็คือ รู้สึกเฉย ๆ ภาษาธรรมะเขาเรียกว่า อทุกขมสุข
(อะ-ทุก-ขะ-มะ-สุก) คือ จะเรียกว่าสุขก็ไม่เชิง ทุกข์ก็ไม่ใช่ ในเบื้องต้น
มันอยู่ในสภาพที่เฉย ๆ แล้วเราก็ทำใจว่าง ๆ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้า
สอนว่า ให้มองโลกนี้ให้ว่างเปล่า ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ ใจว่าง ๆ
นิ่ง ๆ นี่คือความหมายของคำว่า สบาย ของหลวงพ่อในเบื้องต้น

แล้วเราก็อาศัยจุดนี้แหละ จุดที่เรารักษาใจที่เป็นกลาง ๆ
ว่าง ๆ โล่ง ๆ นิ่ง ๆ เฉย ๆ ถ้าเรารักษาอารมณ์นี้ให้สมํ่าเสมอ ด้วยใจที่
เยือกเย็น ไม่เร่งร้อน เร่งรีบ ประคองอารมณ์นี้ต่อไปเรื่อย ๆ ใน
ตำแหน่งที่ใจเราตั้งมั่นแล้วรู้สึกว่า สบาย ปลอดโปร่ง มีความรู้สึก
พึงพอใจกับอารมณ์ชนิดนี้ ความรู้สึกชนิดนี้ ไม่ช้าเราจะเข้าถึงจุด
แห่งความสบายที่แท้จริง ซึ่งจะมีความรู้สึกที่แตกต่างจากคำว่า
สบาย ในเบื้องต้นของหลวงพ่อ

เพราะฉะนั้นคำว่า สบายคำเดียวกัน แต่ปริมาณแห่งความ
สบายนั้นมันจะไม่เท่ากัน ตั้งแต่สบายในระดับมีปริมาณน้อย จน
กระทั่งมีปริมาณเพิ่มพูนขึ้น ดังนั้นตอนนี้เราแสวงหาอารมณ์สบาย
กันเสียก่อน

โดยการทำใจให้ว่าง ๆ นิ่ง ๆ โล่ง ๆ เฉย ๆ เหมือนอยู่กลาง
อวกาศ เมื่ออารมณ์เราสบายและมีสติ เดี๋ยวเราคอยดูนะ สิ่งที่เราเคย
คิดว่ามันยาก มันจะกลายเป็นของง่ายสำหรับเรา

ธรรมะภายใน
ธรรมะเราเคยได้ยินได้ฟังว่าเป็นเรื่องลึกซึ้ง ยากต่อการ
เข้าถึง จะต้องใช้ความเพียรกันอย่างอุกฤษฏ์ ต้องไปอยู่ในสถานที่
ที่แตกต่างจากบ้านเรือนของเราจึงจะเข้าถึง นั่นคือสิ่งที่เราได้ยิน
ได้ฟังกันมา แต่เดี๋ยวนี้เราจับหลักได้แล้ว เราจะได้ยินสิ่งที่แปลก
ออกไป นั่นคือธรรมะแม้เป็นของลึกซึ้งแต่ก็เข้าถึงได้อย่างง่าย ๆ ด้วย
วิธีการง่าย ๆ โดยการกำหนดสติกับสบาย

คำว่า ธรรมะแปลได้หลายอย่าง ในตำราพระพุทธศาสนามีผู้
รวบรวมความหมายได้กว่า ๕๐ ความหมาย แต่ส่วนใหญ่มักจะมาลงว่า
ธรรมะ คือ ความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความถูกต้องดีงาม

บางแห่งกล่าวถึงลักษณะทีเดียวว่า ธรรมะนั้นมีลักษณะเป็น
ดวงกลม ๆ ใส ๆ บางท่านได้กล่าวถึงธรรมะก็คือธรรมกาย เป็น
องค์พระใส ๆ ใสเหมือนเพชร ตั้งอยู่ภายในกายของเรา เมื่อใจเรา
สบาย ใจเราก็จะหยุดนิ่งได้อย่างง่ายๆ พอหยุดนิ่งแล้วเราก็จะเข้า
ถึงธรรมอย่างนี้

หลวงปู่วัดปากนํ้าท่านค้นพบไปเจอ ดวงธรรมภายใน
ซึ่งตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมเบื้องต้นนั้นจะเป็นดวง
ใสบริสุทธิ์ กลมรอบตัว อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่าง
กลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์
ตอนเที่ยงวัน

และท่านก็ค้นพบว่า เมื่อใจหยุดนิ่งอย่างสบาย ๆ ที่กลางดวง
ธรรมนั้น ไม่ช้าก็จะเข้าถึงกายภายในต่าง ๆ ที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เข้าไป
32
กายมนุษย์ละเอียดซ้อนอยู่ในกายมนุษย์หยาบ กายทิพย์ซ้อนอยู่
ในกลางกายมนุษย์ละเอียด กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์
กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายรูปพรหม กายธรรมซ้อนในกลาง
กายอรูปพรหม ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ อย่างนี้เข้าไปตามลำดับ

กายทั้งหมดเหล่านี้มีอยู่แล้วภายใน ซ้อนกันอยู่เป็นชั้น ๆ เข้าไป
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสร้างหรือสมมติกันขึ้นมา เมื่อไรเราทำใจให้หยุดนิ่ง
เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ และต่อเนื่อง เราก็จะเห็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็น
ใครก็ตามในโลก จะเป็นชาติไหน ภาษาไหน แม้มีความเป็นอยู่แตกต่างกัน
แต่ภายในนั้นเหมือนกัน

ธรรมะทั้งหมดนี้มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราไปทำให้มันเกิดขึ้น
มา เมื่อใจของเราหยุดไปถึงไหน มีความละเอียดเท่าเทียมกับสิ่งที่มี
อยู่ในภายในนั้นแล้ว เราก็จะเห็นสิ่งนั้นปรากฏขึ้น

เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรามีเพียงทำใจของเราให้หยุด ให้นิ่ง
ให้เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ ด้วยใจที่ใสเยือกเย็น ให้อารมณ์สมํ่าเสมอ
ต่อเนื่องกันไป ไม่ช้าเราก็จะเข้าถึง


อาทิตย์ที่ ๗ พฤศจิกายน พ.. ๒๕๓๖

    สติ สบาย อีกทั้ง สมํ่าเสมอ
คือทแกล้วสามเกลอ ทหารแก้ว
หากทำอย่างนี้เจอ ธรรมแน่
จิตพร่างสว่างแพร้ว มั่นแล้วกลางกาย
ตะวันธรรม

0

นั่งธรรมะกันเถอะ...


ให้ทำธรรมะควบคู่กับงานหยาบไปด้วย
เพราะ...ถ้ารอให้งานหยาบเสร็จ
แล้วค่อยมาปฏิบัติธรรม
เราอาจจะ “ซี๊” ก่อน
เหมือนเวลาเรากินก๋วยเตี๋ยวก็ต้องหายใจไปด้วย ไม่ใช่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ แล้วค่อยมาหายใจ  ถ้าเรารองานหยาบเสร็จ เดี๋ยวเราจะซี้ก่อนที่จะได้ปฏิบัติธรรมกัน เพราะที่เราเข้ามาสู่องค์กร เพื่อจะมาปฏิบัติธรรม หาพระรัตนตรัยภายในตัว เพื่อศึกษาวิชชาธรรมกาย เราจึงมาอยู่ตรงนี้
ปีนี้หลวงพ่อ 72 แล้ว เราทุกคนต้องหวนไปทบทวนมโนปณิธานดั้งเดิม ก่อนเข้ามาสู่องค์กรว่า ไม่ใช่เราไม่มีทางไป เราจะไปใช้ชีวิตทางโลกก็สามารถทำได้ แต่เราเลือกมาทางนี้
ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ถ้าอายุมากขึ้นความแข็งแรงจะลดลง จะมารอให้งานหยาบเสร็จ แล้วค่อยทำงานละเอียดมันไม่ได้ เราต้องทำควบคู่กันไป ในจังหวะที่ยังแข็งแรงอยู่
เป็นบุญลาภอันประเสริฐ ที่จะได้ช่วยกันประคับประคอง ให้ไปสู่เป้าหมาย ที่เราเข้ามาสู่องค์กร
ถ้าหากองค์กรเราใจหยุดได้ ใจสบายได้ มีความสุข จากการปฏิบัติธรรม การกระทบกระทั่งสูญพันธุ์เลย จะทำภารกิจกันอย่างมีความสุข สนุกสนาน บุญบันเทิง ข้างนอกเคลื่อนไหว แต่ข้างในหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์ จึงต้องมีโครงการติวธรรมะที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะให้เราทุกคนเข้าถึงธรรมได้อย่างง่ายๆ หลวงพ่อจะได้สมหวังเสียที
พอทุกคนในองค์กรมีความสุข จากผลของการปฏิบัติธรรม ก็จะมีความยิ้มแย้มเบิกบาน ถ้าใครเห็นหมู่คณะเรา ก็จะเกิดคำถามว่า ทำไมสมาชิกในองค์กร ถึงดูเบิกบาน เหมือนชาวสวรรค์ ก็อยากจะมาอยู่ด้วย อยากทำบุญด้วย ซึ่งจะเป็นองค์กรต้นแบบเลย 
เมื่อทุกคนมีความสุข คำว่า “สวรรค์บนดิน” ไม่ใช่คำขวัญหรูๆ แต่มีให้ดูจริงๆ แล้วจะเป็นแรงบันดาลใจที่จะขยายไปสู่องค์กรอื่น การ change the world ก็จะเกิดขึ้น

คุณครูไม่ใหญ่
3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เวลา 13:20
0

ใจหยุดสว่างแค่แวบเดียว ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล



ทำใจให้หยุดนิ่ง  ให้ใจใส ๆ หยุดประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ ความสว่างเกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลา งูแลบลิ้น ช้างพัดใบหู หรือฟ้าแลบแปบเดียว ได้บุญ ได้อานิสงส์ ยิ่งใหญ่ไพศาลนัก มากกว่าสร้างถาวรวัตถุใด ๆ
เพราะว่าหยุดกับนิ่งนี่แหละ เป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน จะเข้าสู่เส้นทางสายกลางภายใน เส้นทางของพระอริยเจ้า เส้นทางของพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ท่านเดินทางในเส้นทางสายกลางอย่างนี้แหละ
คุณครูไม่ใหญ่

๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
0

ใจหยุด ใจนิ่ง...เข้าถึงบรมสุข



พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงค้นพบว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ในตัวเรา ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ถ้าแสวงหาผิดที่ก็ไม่พบ ถ้าแสวงหาถูกที่จึงจะพบ เมื่อพบแล้วพระองค์ก็สรุปให้ฟังว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ  ใจหยุด ใจนิ่ง เป็นบรมสุข
คือ ใจที่ปลด ปล่อย วาง จากอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด จากความยินดียินร้าย ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น สิ่งที่เป็นภายนอก ให้หันกลับมาหยุดนิ่งอยู่ภายใน
สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงแค่เครื่องอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ไม่ช้าก็จะแตกดับไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็เสื่อมสลายไป ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เนื่องจากไม่ใช่ของจริง มันจึงมีสภาพอย่างนั้น
จะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ จะเป็นอะไรก็ตาม ก็เป็นอย่างนั้นแหละ พระองค์สอนให้เราได้รู้จักว่า เมื่อมันไม่ใช่ของจริง มันมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้น จึงไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นว่า นั่นเป็นของเรา นั่นเป็นตัวเรา ถ้ายึดแล้วก็ไม่ได้อะไร พลอยแต่ทำให้เกิดความทุกข์ใจ

แต่สิ่งที่เป็นของจริงนั้น
อยู่ในกลางใจเรา
ในกลางของกลางตัวเรา...
ตรงที่ใจหยุดใจนิ่งนั่นแหละ

คุณครูไม่ใหญ่

๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑
0

การปฏิบัติธรรมต้องใจเย็น ๆ


การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงธรรมนั้น เราจะเร่งรีบ เร่งร้อนไม่ได้ เหมือนต้นไม้ เหมือนร่างกายของเราอย่างนี้แหละ มันจะค่อย ๆ เจริญเติบโตไปตามลำดับ
ทางจิตใจ เมื่อเราทำสมาธิทุกวัน ปฏิบัติธรรมทุกวัน ฝึกใจหยุด ใจนิ่ง ให้มีชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลางให้มาก ๆ เหมือนนักบินมีชั่วโมงบินอย่างนั้น
เมื่อเราปฏิบัติธรรมทุกวัน สมาธิก็จะค่อย ๆ ถูกสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ใจของเราที่หยาบก็จะค่อย ๆ ถูกขัดเกลาให้ละเอียดไปทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่เป็นมลทินของใจเราที่ไม่บริสุทธิ์ก็จะถูกขัดเกลาไปทีละเล็กทีละน้อยเช่นเดียวกัน  
ในที่สุดใจก็บริสุทธิ์ขึ้น ละเอียดขึ้น แล้วสักวันหนึ่งเราก็จะสมหวัง


คุณครูไม่ใหญ่
6 มิถุนายน พ.ศ. 2536
0

ทุกภารกิจ ฝึกจิตได้



การทำสมาธิ เราสามารถทำได้ทุกอิริยาบถ ทุกภารกิจเราสามารถฝึกใจได้
ให้สังเกตดูใจตัวเราเอง สังเกตดูการกระทำ การพูด การคิด ทุกอย่างที่เราทำว่า พอดีแล้วหรือยัง ไม่ว่าจะกวาดบ้าน จะล้างถ้วยล้างชาม จะหั่นผัก
งานต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันซึ่งเราต้องทำ ถ้าเราสามารถทำงานเหล่านี้ให้พอดีได้แล้ว เราก็สามารถฝึกใจให้พอดีได้
นั่นคือ เมื่อเราปฏิบัติธรรม เราจะรู้จักคำว่า “วางใจให้ถูกส่วน” แล้วธรรมะก็จะเกิดเป็นความสว่างขึ้นในใจ
ดูคุณยายอาจารย์เป็นตัวอย่าง ท่านทำงานหยาบได้พอดีทุกอย่าง งานละเอียดท่านจึงสามารถทำได้ดี
คุณครูไม่ใหญ่
๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๔
งานหยาบ หมายถึง ภารกิจหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องทำ
งานละเอียด หมายถึง การปฏิบัติธรรม ฝึกใจให้หยุดนิ่งภายใน

0

การปฏิบัติธรรมจำเป็นสำหรับทุกชีวิต




เราปฏิบัติธรรมเพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์แห่งชีวิต ไม่ใช่เพื่อความอยากเด่น อยากดัง หรือต้องการให้ใครมายกย่องสรรเสริญ หรือปรารถนาลาภสักการะ แต่เรามุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อทำความบริสุทธิ์ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

จิตยิ่งสะอาด ยิ่งบริสุทธิ์ ก็ยิ่งมีความสุขมาก มีปัญญาบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น รู้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง สมบูรณ์ มีความสุขตลอดเส้นทางในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็ยังมีความสุข

แม้จะอยู่บนเตียงผู้ป่วย ก็ป่วยแต่เพียงร่างกายเท่านั้น แต่จิตใจองอาจ สูงส่ง มีความสุข อยู่ในบุญกุศล อยู่ในธรรม อยู่ในพระรัตนตรัยภายในที่สุกใส สว่าง

เมื่อละโลกไปแล้วก็มีความสุขในสัมปรายภพ เข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดา

คุณครูไม่ใหญ่
วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
0

Facebook