แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องใหม่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องใหม่ แสดงบทความทั้งหมด

ทำไมเราต้องทำบุญเยอะๆ



ทำไมเราจะต้องสร้างบุญเยอะ
เพราะเราอยากได้บุญ
ถ้าบุญเยอะ อุปสรรคก็น้อย
ถ้าบุญน้อย ๆ อุปสรรคมันก็เยอะ
มันก็มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นชิงช่วงช่วงชิงกันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา  ไม่ว่าเราจะมีชีวิตอยู่หรือละโลกไปแล้วก็ยังชิงช่วงช่วงชิงกันอยู่เรื่อย ๆ อย่างนี้
เพราะฉะนั้น ต้องสร้างบุญสร้างบารมีกันให้เยอะ ๆ อย่าไปเสียเวลาคิดว่า อา ทำบุญอีกแล้ว เพิ่งทำไปหยก ๆ นี่ชวนอีกแล้ว มันต้องทำกันทุกอนุวินาที ด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยภาวนา อย่าไปเสียดายสิ่งที่เรามีอยู่
ปัจจัยที่มีอยู่ เขามีเอาไว้สำหรับให้ใช้เลี้ยงชีวิตกับใช้สร้างบารมี  ถ้าเราไม่ใช้สร้างบารมีมันก็ต้องเอาไปใช้สร้างอย่างอื่น ไม่เชื่อลองดูสิ ลองไม่เอามาสร้างบารมี เดี๋ยวมันจะมีทางออก มันจะไปเรื่อย ไม่รู้มันเป็นยังไงนะ ถ้าไปใช้อย่างอื่น สนุกสนานเพลิดเพลิน ซื้อสิ่งของอะไรต่าง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นบุญ ก็จะสูญเปล่ากันไป ได้สิ่งของมาใช้ในโลกนี้เท่านั้น
ความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คือ มีทรัพย์ แล้วก็ได้ใช้จ่ายทรัพย์ ที่จริงมี ๔ ข้อ[1]แต่หลวงพ่อตัดมาเหลือ ๒ มีทรัพย์แล้วก็ได้ใช้จ่ายทรัพย์ ถ้ามีแล้วได้ใช้นี่นะ ปลื้ม ถ้ามีแล้วไม่ได้ใช้ ไม่ปลื้ม  แต่ใช้อะไรมันถึงจะปลื้มมากกว่ากัน  นี่ผู้มีปัญญาต้องคิดให้ดี ๆ
คุณครูไม่ใหญ่
๓ มกราคม พ.. ๒๕๔๖


[1] 1 สุขจากการมีทรัพย์
2 สุขจากการใช้ทรัพย์
3 สุขจากความไม่เป็นหนี้
4 สุขจากการงานที่ไม่มีโทษ (ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม)
0

วันนี้..วันพระ



วันพระ ก็คือวันที่พระท่านจะมาทบทวนสิกขาบทว่า ๗ วันผ่านมา ได้ปฏิบัติถูกต้องตามธรรมวินัยครบถ้วนบริบูรณ์ไหม ถ้าครบถ้วนบริบูรณ์ก็ปลื้ม ถ้าขาดตกบกพร่องก็ต้องแก้ไขกัน ตักเตือนตัวเองบ้าง เตือนซึ่งกันและกันบ้าง เพราะว่าพระบวชมาแล้วก็มุ่งหวังจะทำพระนิพพานให้แจ้ง นั่นเป็นวัตถุประสงค์หลัก เพราะฉะนั้นสิ่งอะไรที่ขาดตกบกพร่องก็จะต้องรีบปรับปรุงแก้ไข
ส่วนญาติโยมทั้งหลายก็ถือโอกาสในวันพระไปบำเพ็ญบุญ ไปฟังธรรม ปฏิบัติธรรมแต่เดี๋ยวนี้ความสนใจจะลดน้อยถอยลงกันไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องช่วยกันฟื้นฟูวันแห่งความสว่างหรือวันสว่างให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่  แล้วให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นในยุคของเรานี่แหละ แม้ว่าจะเริ่มต้นจากกลุ่มเล็ก ๆ ต่อไปก็จะค่อย ๆ ขยับขยายกันไปเรื่อย ๆ นี่ก็เป็นทางมาแห่งบุญของเราที่ติดป้ายวันพรุ่งนี้วันพระ วันนี้วันพระ
เพราะฉะนั้น ได้รับป้ายไปแล้ว มีป้ายแล้ว ก็ต้องเอาไปติดนะ แล้วก็อย่าลืมเอาลงมา รวมทั้งประพฤติตัวของเราให้เป็นตัวอย่าง  เพราะโลกขาดแคลนตัวอย่างที่ดี ๆ เราก็จะได้เป็นต้นบุญต้นแบบกัน
คุณครูไม่ใหญ่
  มกราคม พ.๒๕๔๖

0

เจ้าของบ้าน เจ้าของวัด

 
 สมบัติของพระศาสนา...ต้องช่วยกันรักษาเอาไว้
ภาพกิจกรรมที่เป็นกุศล
จะติดที่กลางตัวของเรา
จะมาฉายให้เราดู  ให้เราเห็น ตอนเวลาจำเป็น
คือ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเรา
 หลวงพ่อดีใจนะ ที่ทุกคนทำหน้าที่เป็นลูกหลานยาย เป็นเจ้าของวัดกันอย่างจริง ๆ เราควรจะทำอย่างนี้กันตั้งนานแล้ว แต่เราก็สู้สะกดใจเอาไว้ ถ้าสืบสานกันได้ทุกอาทิตย์ก็จะดีมาก ๆ เลย แล้วจะปลื้ม จะรักวัด รักทุกสิ่งทุกอย่างที่เราช่วยกันสร้างขึ้นมาให้เป็นสาธารณะประโยชน์ เป็นห้องเรียนศีลธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้ทุกคนในโลกจิตใจสว่างไสว มีสุคติเป็นที่ไป เรียกว่า ปิดประตูอบายภูมิ ตอกตะปูไว้หลายชั้น ไม่มีสิทธิ์ไปอบายกันเลย
คุณครูไม่ใหญ่
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖

1

ใครมีบุญมากบุญน้อยวัดกันที่ไหน


 

ลูกเณรมีบุญนะ ตอนหลวงพ่ออายุขนาดนี้
ไม่มีโอกาสได้รู้จักธรรมกายเลย เสียดายจัง
ถ้าตายแล้ว อยากจะเกิดมาเป็นแบบนี้
แต่ลูกเณรไม่รู้ตัวว่า...มีบุญมาก

การมีบุญมาก บุญน้อย เขาวัดกันตรงนี้นะว่า
ใครจะได้ยินได้ฟังหนทางแห่งการตรัสรู้ธรรม
ที่จะทำให้ชีวิตของเราเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ พ้นจากความทุกข์
เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ เขาวัดกันตรงนี้  
ส่วนทรัพย์ภายนอกเป็นเครื่องประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
...ตรงนี้สำคัญกว่า

ถ้าให้หลวงพ่อเลือกชีวิตได้นะ จะเลือกชีวิตอย่างลูกเณร
เวลามองดูลูกเณร นึกถึงตัวเอง มีความรู้สึกว่า
เหมือนบวชเมื่อวานนี้ สองสามวัน เหมือนบวชได้ไม่กี่วัน
ทั้ง ๆ ที่บวชมาได้ตั้ง 23 พรรษาแล้วนะ ลืมไปเลย 

คุณครูไม่ใหญ่
9 พฤษภาคม พ.ศ. 2535




0

ศาสนาแห่งสันติภาพ


 
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตรัสว่า “พระนิพพานเป็นเยี่ยม”นี่คือ คำยืนยันของท่านผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นที่เราเวียนว่ายตายเกิดกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เป้าหมายของเรา คือทำพระนิพพานให้แจ้ง ถ้ายังไม่แจ้งก็ต้องทำกันต่อไป
นิพพานจะแจ้งได้นั้น จะต้องอาศัยกำลังบุญบารมีที่เราได้สั่งสมอบรมมาในแต่ละภพแต่ละชาติ มากบ้างน้อยบ้าง กลั่นกายวาจาใจ ธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ของเราให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ พอบริสุทธิ์มากเข้า ใจก็หยุดนิ่ง หยุดนิ่งเพราะว่า ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
พอใจบริสุทธิ์มันจะหยุดนิ่ง ไม่วิ่งไปที่ไหน ไม่วิ่งไปในทางตา คือ ไม่ออกไปทางนั้น เห็นอะไรก็ติดอกติดใจ เกิดความยินดียินร้าย ใจไม่แล่นไปทางนั้น ทางหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่แล่นไปรับสิ่งเหล่านั้น
บริสุทธิ์มันก็หยุดนิ่ง พอหยุดนิ่งถูกส่วน ก็เห็นต้นทางแห่งความบริสุทธิ์ผุดเกิดขึ้นเป็นดวงสว่าง
อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
ความบริสุทธิ์ของดวงธรรมนี้มาพร้อมกับความสุขและความเข้าใจชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากมาย
หากมนุษย์ทุกคนในโลกมีเป้าหมายเดียวกัน คือ จะทำพระนิพพานให้แจ้ง หรือมีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มุ่งแสวงหามรรคผลนิพพาน โลกนี้จะเกิดสันติภาพที่แท้จริง สันติสุขที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเลย การขัดแย้งก็ไม่มี การเบียดเบียนกันก็ไม่มี มีแต่การแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน มีแต่การให้สิ่งดี ๆ ทั้งทางความคิด คำพูด และการกระทำ
แต่การที่จะให้เข้าใจตรงนี้ มันต้องสั่งสมมา สั่งสมดวงปัญญามา ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ผู้รู้ บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย ที่เราคงเคยได้ยินคำว่า เป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ก็คือ จะต้องสั่งสมอุปนิสัย จริตอัธยาศัยนี้จากท่านผู้รู้เหล่านั้น มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น มากเพียงพอจึงจะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
แต่ละคนที่มาเกิดในโลกนี้ ผ่านผู้รู้มาในจังหวะที่ไม่ตรงกัน บางคนผ่านมามากก็เข้าใจง่าย ผ่านมาน้อยก็เข้าใจได้น้อย ถ้าไม่ได้ผ่านมาเลย ก็ไม่เข้าใจเลย และเพราะความไม่เข้าใจนี่แหละ ที่ทำให้โลกยุ่งเหยิงกันอยู่ในปัจจุบัน  เพราะมาไม่ตรงกัน แต่ถ้ายุคใดสมัยใดผู้ที่มีอุปนิสัยพระนิพพานมาเกิดร่วมกันเยอะ ๆ ยุคนั้นสมัยนั้น สันติสุขอันไพบูลย์หรือสันติภาพของโลกก็จะบังเกิดขึ้น
คุณครูไม่ใหญ่
24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545


0

อย่าคิดว่า..ทำบุญมาเยอะแล้ว




ถ้าตอนมีชีวิตอยู่ เราสร้างบุญกุศลเอาไว้
บุญก็จะนำเราไปสู่สุคติภพ
หล่อเลี้ยงให้เรามีความสุขในสุคติ โลกสวรรค์
ถ้าบาปหล่อเลี้ยง ก็ต้องไปอบายภูมิ
ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย
เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น
ทุกข์ทรมานอยู่ยาวนานนัก
เมื่อความตายไม่มีนิมิตหมาย ดังนั้นเราไม่ควรประมาท ชะล่าใจ ต้องมีความพร้อมเสมอ เราจะพร้อมและไม่กลัวต่อมรณะภัยได้ ต่อเมื่อเราได้สั่งสมบุญกุศลเอาไว้ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล แล้วก็เจริญภาวนาอยู่เป็นนิจ คือ ทำสม่ำเสมอทุกวัน ไม่ให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว ทำมากบ้าง น้อยบ้าง เราก็ทำไป
แต่ว่าบุญ ควรจะทำให้มาก ๆ ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา ทั้งหน้าที่กัลยาณมิตรต้องทำให้ครบถ้วน ให้บริบูรณ์
เมื่อเราสั่งสมบุญกันเต็มที่แล้ว เราก็จะมีความพร้อมอยู่ในตัว จะมีปีติ มีมหาปีติเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา พร้อมเสมอ ไม่ว่าจะละสังขารด้วยอาการใด ที่ไหน ก็ไม่หวั่นไหว เพราะเรามีบุญเป็นที่พึ่ง
ยิ่งเราเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ก็ยิ่งมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พอถึงพระรัตนตรัยในตัวแล้ว เราจะเลือกเกิดในสุคติภพ ภพภูมิไหนก็ได้ เหมือนเศรษฐี มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์มากจะไปอยู่ในสถานที่ที่สวยงามประณีตสะดวกสบายตรงไหนก็ได้ เพราะมีทรัพย์มาก เรามีบุญมากก็เช่นเดียวกันนะลูกนะ
เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นสั่งสมบุญ อย่าชะล่าใจว่า เราทำบุญมาตั้งเยอะแยะแล้ว ถ้าบุญเราเยอะเราก็ต้องสมปรารถนาในทุกสิ่ง สมหวังดังใจในทุกสิ่ง แต่นี่บางครั้งเราก็สมหวัง บางครั้งเราก็ไม่สมหวัง บางครั้งชีวิตก็ราบรื่น บางครั้งมันก็ขลุกขลัก บางครั้งก็ขลุกขลิก นี่ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า  เรายังสั่งสมบุญมาไม่มาก  อย่าไปคิดว่า เราทำกันมามากมายแล้ว  ยังนะลูกนะ
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ,คุณยายอาจารย์ของเรา ท่านสั่งสมบุญไม่ขาด ทั้งทาน ศีล ภาวนา ทั้งทำหน้าที่กัลยาณมิตร ทั้งทำวิชชาปราบมาร ไปรู้ไปเห็นวิชชาธรรมกาย ปราบพญามาร มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม เพื่อตัวเองจะได้พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร สรรพสัตว์ก็จะพลอยหลุดพ้นไปด้วย ท่านยังรำพึงอยู่เรื่อย ๆ ว่า ท่านเพิ่งสร้างบุญมาได้นิดเดียว
เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งชะล่าใจนะลูกนะว่า
เราได้สั่งสมบุญกันมาเยอะแล้ว 
เรายังทำไปได้หน่อยเดียวเท่านั้นแหละ 
เดี๋ยวก็วัน เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวก็จะหมดเวลาแล้ว
คุณครูไม่ใหญ่
14 เมษายนพ พ.ศ. 2545



0

อย่ารวยฟรี !



สั่งสมบุญเข้าไป
สร้างไปเรื่อย ๆ
ยิ่งลำเค็ญ..
ยิ่งสร้างหนักเข้าไปอีก
บางคนรวยฟรีในโลกนี้  เขาไม่รู้เลย เขารวยไปทำไม  ทรัพย์เขา...เหมือนทรัพย์ทุพลภาพ  เหมือนทรัพย์พิการ  มีเหมือน...ไม่มี  แค่ปีติยินดีสเตทเมนท์เท่านั้นว่า เรามีเท่าคนอื่น หรือมากกว่าคนอื่น หรือเรายังมีอยู่  มันก็ได้ปลื้มแค่ไม่กี่ปี
แต่ของเรานักสร้างบารมี ทำเข้าไป  ทำไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะได้ดื่มกินปีติสุข  เมื่อใกล้จะละโลก ภาพเหล่านี้จะฉายให้เราเห็น  เรากลับดุสิตบุรีได้อย่างสบาย 
มาเกิดอีกที บุญนี่แหละจะเป็นบ่อเกิดแห่งสมบัติที่ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องทำมาค้าขาย  ไม่ต้องลำเค็ญเหมือนชาตินี้  แต่เป็นชีวิตที่เกิดมาสร้างบารมี เพราะสมบัติมาคอยท่า  เอาอย่างนี้นะลูกนะ  เพราะฉะนั้นอย่าไปหวั่นไหว
ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ้ะ
คุณครูไม่ใหญ่
22 พฤษภาคม พ.ศ. 2549


0

คนโบราณเขา..ขนทรายเข้าวัดกันนะ



ต้องช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนา
ให้สืบทอดต่อกันไปนะ
นี่เป็นเรื่องที่สำคัญเลย
ครูไม่ใหญ่รักพระพุทธศาสนามากเลย

ปู่ย่าตายายของเราสมัยก่อน
ท่านจะรักพระพุทธศาสนามาก
แม้แต่เวลาเข้าวัด เดินเข้าไปในวัด
ท่านจะไม่เอาศาสนสมบัติ
ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าจะเม็ดกรวด เม็ดทราย ที่ติดเท้ามา
 เพราะท่าน "กลัวบาป"

มีแต่ว่าจะนำทรายเข้าวัด
ที่มีการจัดงานก่อสร้างพระเจดีย์ทราย
สมัยก่อนเขาทำกันอย่างนั้น











นั่นแค่เม็ดกรวดเม็ดทราย
ท่านยังไม่เอาเลย
ใหญ่กว่านั้น ท่านยิ่งไม่ นี่จ้ะ
เพราะฉะนั้น ต้องช่วยกันรักษากันไว้ให้ดีนะ

คุณครูไม่ใหญ่
10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

 
2

เช้า ๆ ตื่นมาใส่บาตรกันเถอะ



การให้ข้าว ให้น้ำ ให้อาหารหวานคาว และจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระภิกษุสามเณร ผู้ประพฤติธรรม เราจะได้อานิสงส์ ๕ ประการ คือ ได้อายุ วรรณะ สุขะ พละ และก็ปฏิภาณ
1.      อายุ การเป็นผู้มีอายุยืนยาว ไม่มีโรค ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ
2.      วรรณะ การมีวรรณะความผ่องใสของผิวพรรณ ก็จะเป็นที่ดึงดูดตา ดึงดูดใจ น่าเลื่อมใส แลดูงามทุกวัย เหมือนอย่างมหาอุบาสิกาวิสาขา
3.      สุขะ ได้ความสุข คือ ความสบายกาย ความสบายใจ ความแช่มชื่น เบิกบาน
4.      พละ มีพละกำลังแข็งแรง
5.      ปฏิภาณ  มีปฏิภาณไหวพริบเฉลียวฉลาด
ทั้งอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ จะเป็นของเรา
คุณครูไม่ใหญ่

19 มกราคม พ.ศ. 2547
1

มหาเศรษฐีคู่บุญพระพุทธศาสนา


ทำใจให้บริสุทธิ์ ผ่องใส
สั่งสมบุญกันดีกว่า
ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
มีพระมีเณรกี่องค์ เราก็เลี้ยงให้หมด มาร้อยองค์ เราก็เลี้ยงร้อยองค์ มาพันองค์ ก็เลี้ยงพันองค์ มาหมื่นองค์ เราก็เลี้ยงหมื่นองค์ มีเท่าไหร่เลี้ยงให้หมดเลย ก็จะเป็นทางมาแห่งบุญของเรา
ยกตัวอย่าง นางวิสาขาและท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในชาติก่อนๆ โน้น ก่อนจะมาเป็นเศรษฐีใหญ่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ท่านก็เคยสร้างมหาทานบารมีมาก่อน เลี้ยงพระ เลี้ยงเณร มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๗ วันต่อเนื่อง แล้วก็ตั้งความปรารถนา ในที่สุดท่านก็สมหวัง
คุณครูไม่ใหญ่
23 พฤษภาคม พ.ศ. 2542
0

มานั่งสมาธิกันเถอะ

ถ้ามนุษย์ทุกคนในโลกรู้ว่า
เป้าหมายชีวิตคืออะไร
โลกจะเกิดสันติสุข
สันติภาพโลกจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
 แต่ทุกคนในโลกที่เกิดมา ไม่ค่อยจะรู้เป้าหมายของชีวิต ชีวิตจึงไม่มีเป้าหมาย การดำเนินชีวิตก็สะเปะสะปะไปอย่างนี้
เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้เป้าหมายของชีวิต การดำเนินชีวิตก็ถูกต้อง ปิดอบาย ไปสวรรค์ มีสุขในปัจจุบันแล้วก็ดับทุกข์ได้ และเป้าหมายของชีวิตอันนี้ก็ได้มาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ทรงบรรลุเป้าหมายของชีวิตแล้ว และสั่งสอนอบรมเรื่อยมาตกทอดมาถึงพวกเรา
ครูไม่ใหญ่ก็นำคำสอนของท่านมาถ่ายทอดต่อว่า เป้าหมายชีวิต คือการทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ เพราะชีวิตมีทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูงล้วนมีทุกข์
ชนชั้นล่าง..ก็ทุกข์แบบชนชั้นล่าง
ชนชั้นกลาง..ก็ทุกข์แบบชนชั้นกลาง
ชนชั้นสูง..ก็ทุกข์แบบชนชั้นสูง
ไม่มีใครที่ไม่มีทุกข์เลย มีทุกข์ทุกคน เพราะฉะนั้นการสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์จึงเป็นเป้าหมายชีวิตที่สำคัญ และ "สมาธิ" นี่แหละจะช่วยได้ และ ต้องสมาธิด้วย ดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านวิธีการต่าง ๆ มาที่จะดับทุกข์ มาพบตอนนั่งสมาธิที่ใต้ต้นโพธิ์นั่นแหละตรงนั้นแหละจ๊ะ

คุณครูไม่ใหญ่

13 กันยายน พ.ศ. 2552
0

อยากให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง มาถอยหลังลงคลองกันเถอะ



 บัณฑิตนักปราชญ์ในกาลก่อนได้กล่าวไว้ว่า
ยุคใด สมัยใด ถ้าคนห่างเหินจากศีลธรรม สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็จะเกิดขึ้น เช่น ภัยพิบัติต่าง ๆ ฝนตก น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว ไฟไหม้ เป็นต้น
ภัยพิบัติต่าง ๆ จะเกิดขึ้น ถ้าคนเสื่อมจากศีลธรรม เพราะฉะนั้นเราทุก ๆ คนทั่วประเทศมาสำรวจตรวจตราดูตัวของเราเองว่า เราห่างเหินศีลธรรมหรือเปล่า ห่างจากการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไหม ห่างการดูแลผู้มีศีลมีธรรมไหม หรือไปรังแกผู้มีศีลมีธรรมหรือไม่ เราก็ไปทบทวนดู
ถ้าหากว่าเราทำ เราก็ปรับปรุงแก้ไขเสีย  แล้วก็เข้าใกล้ศีลธรรมให้มากเข้าๆ สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น ดินอากาศฟ้าก็จะไม่แปรปรวน ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล ต้นหมากรากไม้ก็จะมีรสโอชา มนุษย์ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บน้อย อายุก็ยืนยาว เศรษฐกิจก็จะดี ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม เป็นต้น
นี่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องหันกลับมาทบทวน มาถอยหลังเข้าคลองธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเราเลยคลองกันไปแล้ว เรียกว่าออกนอกลู่นอกทางกันไปเยอะแล้ว มาเข้าสู่ในลู่ของบัณฑิตนักปราชญ์ลงคลองแห่งธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถอะ เขาเรียกว่า ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมนี่นะจ๊ะ ถอยหลังลงคลอง แต่ต้องคลองธรรมนะ คลองอื่นเราไม่เอานะ

20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
คุณครูไม่ใหญ่

0

หนังเรื่องสุดท้าย...ที่ทุกคนต้องดู #กฎแห่งกรรม

รูปภาพจาก: Pixabay

กฎแห่งกรรมหรือ Law of Karma ตั้งอยู่ในหลักของเหตุและผล ใครประกอบเหตุเช่นไร ก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
ผู้ใดทำกรรมดีอยู่เป็นนิจ เมื่อละจากโลกนี้ไป ผู้นั้นย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์
ผู้ใดทำกรรมชั่วเป็นนิจ เมื่อละจากโลกนี้ไป ผู้นั้นย่อมไปสู่อบาย ทุคติ วินิบาต นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน
ส่วนใครจะได้ไปสุคติหรือทุคตินั้น ขึ้นอยู่กับ กรรมนิมิต หรือภาพยนตร์ส่วนตัวที่มาฉายให้เห็น เป็นหลัก
ผู้ใดเห็นกรรมนิมิต เป็นฝ่ายกุศลกรรม หรือกรรมดีก่อนตาย จิตของผู้นั้นย่อมผ่องใส มีสุคติเป็นที่ไป
ผู้ใดเห็นกรรมนิมิตที่เป็นฝ่ายอกุศลกรรม หรือกรรมชั่วก่อนตาย จิตของผู้นั้นย่อมเศร้าหมอง จะมีทุคติเป็นที่ไป
บางคนกรรมนิมิตก่อนตายไม่ชัดเจน ถ้าเป็นกรณีนี้ บุคคลนั้นจะถูกพาตัวมาที่ยมโลก เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาผลบุญและผลบาปที่ตนเองเคยทำไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
คุณครูไม่ใหญ่

6 เมษายน พ.ศ. 2553
0

วิสาขบูชา


วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญอย่างยิ่งในทางพระพุทธศาสนา และเป็นวันสำคัญสากลของโลก ซึ่งเป็นวันที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน มาพ้องตรงในวันเดียวกัน คือเป็นวันมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
การมาประสูติของพระพุทธองค์มีความอัศจรรย์อย่างยิ่ง ซึ่งก่อนที่พระองค์จะมาประสูติ เทวดา พรหม ทั่วหมื่นโลกธาตุ ก็ได้มากราบอาราธนาพระบรมโพธิสัตว์ที่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อพระองค์พิจารณาเห็นสมควรก็รับอาราธนา
จากนั้นก็ทรงตรวจตราดูปัญจมหาวิโลกนะ คือ ทรงพิจารณาดูกาล ดูทวีป ประเทศ ตระกูล และพุทธมารดา ที่เหมาะสมต่อการมาเกิดสร้างบารมี เพื่อจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วก็จะได้โปรดสัตว์ให้หลุดพ้นจากทุกข์ภัยในวัฏสงสาร พระองค์มีบารมีที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว
ครั้นประสูติก็ถึงพร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ และในทันทีที่ประสูติก็ทรงพระดำเนินไปได้ ๗ ก้าว ทุกย่างก้าวก็จะมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ จากนั้นได้ทรงเพ่งอาสภิวาจาว่า
เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ภพชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเราแล้ว
ครั้นเมื่อเจริญวัยก็เป็นผู้เลิศกว่าใครๆ ในโลก ทรงมีพระปัญญาสว่างไสว สามารถสำเร็จความรู้ในศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการ ภายใน ๗ วัน ต่อมาเมื่อทรงเห็นภัยในวัฏสงสารก็ทรงออกผนวช เพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์ ทรงบำเพ็ญเพียรอย่างกลั่นกล้า จนกระทั่งได้ตรัสรู้ ณ ภายใต้ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์
ในวันตรัสรู้นั้น พระองค์ทรงมีพระทัยตั้งมั่นใจหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของพระองค์ท่าน
ในยามต้น ก็ได้เข้าถึงกายธรรมพระโสดาบัน บรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ สามารถระลึกชาติหนหลังได้
ในยามที่ ๒ ก็ได้เข้าถึงกายธรรมพระอนาคามี บรรลุจุตูปปาตญาณ รู้แจ้งเห็นแจ้งการเกิด ดับ และการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
และในยามสุดท้าย ก็ได้บรรลุอาสวักขยญาณ สามารถกำจัดกิเลสอาสวะหมดสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ พร้อมกับได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วต่อมา พระพุทธองค์ก็ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตลอด ๔๕ พรรษา ทรงบำเพ็ญพุทธกิจโปรดสรรพสัตว์ ทรงแสดงธรรมพร้อมอรรถะและพยัญชนะ งดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย จวบจนวาระสุดท้ายก็ได้ปลงอายุสังขาร และได้ประทานปัจฉิมโอวาทเอาไว้ว่า
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและผู้อื่น ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
จากนั้นก็ทรงเข้ามหาสมาบัติไม่ซ้ำมหาสมาบัติ แล้วก็เสด็จดับขันธปรินิพพานเข้าสู่อายตนนิพาน
ภายนอกทรงประสูติที่หนึ่ง ตรัสรู้ที่หนึ่ง และปรินิพพานอีกที่หนึ่ง แต่ในแง่การปฏิบัติภายในประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานอยู่ที่เดียวกัน คือที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของพระองค์ท่านดังนั้นศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จึงเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในโลก เป็นทางไปของพระอริยเจ้า พระอรหันต์ เป็นทางบรรลุมรรคผลนิพพานของทุกๆ คนในโลก ที่จะต้องเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ เพื่อให้ได้บรรลุธรรม บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตที่เกิดมาเป็นมามนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ได้มีดวงตาเห็นธรรม
เพราะฉะนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่มีความหมายต่อตัวเราและชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเพราะมีวันนี้เกิดขึ้น เราจึงมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต ได้รู้ถึงหนทางดับทุกข์ รวมทั้งได้ลงมือปฏิบัติไปเพื่อให้พ้นจากทุกข์เข้าถึงธรรม
คุณครูไม่ใหญ่

๑ มิถุนายน พ.. ๒๕๕๘
1

Facebook