บุญ - ทาน

บุญ-ทาน
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1




ดวงบุญในตัวเราจะโตขึ้นทุกครั้ง
ที่เราพูดเรื่องบุญเรื่องกุศล

๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

เราใช้บุญเก่าหมดไปทุกวัน
เมื่อไรหมดบุญก็หมดสิทธิ์ที่จะหายใจ
หมดบุญก็หมดลม
พอหมดลมก็หมดโอกาสที่จะครอบครองทุกสิ่ง
ที่เราเคยครอบครอง
ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ
ครอบครองไม่ได้เลย

๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ทำไมต้องชวนทำบุญบ่อยๆ
ก็บุญเก่ามันหมดไปบ่อยๆ
บุญใหม่ก็ต้องทำบ่อยๆ
มันถึงจะมาทดแทนกันได้

๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ทำไมเราต้องทำบุญบ่อยๆ
เพราะบุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข
และความสำเร็จในชีวิต
มีบุญมาก อุปสรรคก็น้อย
มีบุญน้อย อุปสรรคก็มาก

๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

------------------------------

การทำบุญ
ก็เพื่อตัวเราเอง...ไม่ใช่เพื่อใคร
ทำที่ใครก็ได้ที่เรา
ทำบ่อยๆ เราก็ได้บ่อยๆ
นานๆ ทำที นานๆ เราก็ได้ที
นี่คือเหตุผลทำไมต้องชวนทำบุญบ่อยๆ

๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

------------------------------

กว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้
มันยากมาก...แต่ตายง่าย
ดังนั้นจะต้องรีบ
สร้างบุญบารมีกันให้เยอะๆ

๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

------------------------------

ชีวิตในสังสารวัฏ
มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่บังคับเราอยู่
ถ้าสั่งสมบุญ...ชีวิตก็รุ่งเรือง
ถ้าสั่งสมบาป...ชีวิตก็ร่วงโรย

๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

บุญเก่าที่เราทำมา
เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ปลูกมานานแล้ว
พร้อมที่จะออกดอกออกผล

๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ชีวิตต้องมีค่าใช้จ่าย
ถ้าเราไม่ดึงมาทำบุญ
มันก็ต้องจ่ายไปในทางอื่น
แต่จ่ายทางอื่น
มันไม่ติดไปในภพเบื้องหน้า
แต่ถ้าจ่ายมาทางบุญ
มันจะเป็นสมบัติติดตัวเราไปในภพเบื้องหน้า

๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

อย่าไปกู้เงินมาทำบุญ
ทำให้หมดใจ แต่อย่าให้หมดตัว
เมื่อเราทำเต็มกำลังของเราแล้ว
หมดใจของเราแล้ว
เราก็ไปชวนผู้มีบุญคนอื่นที่เขามีทรัพย์
แต่เขายังไม่รู้
ไปปลูกศรัทธาเขา ไปบอกให้เขารู้
ก็จะเป็นทางมาแห่งบุญของเรา
ซึ่งตอนนี้ขาดแคลนทุนทรัพย์
ต้องฉลาดหาบุญอย่างนี้

๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ทำบุญประณีต
เพื่อให้หัวใจเราประณีต
จะมีอานิสงส์ คือ ได้สมบัติประณีต
วิมานก็จะประณีต
รัศมีกายเราก็จะประณีตสว่างสดใส

๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ทำบุญประณีตด้วยใจที่ประณีต
เวลาสมบัติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
มนุษยสมบัติ ทิพยสมบัติ นิพพานสมบัติ
ก็จะประณีตตามไปด้วย

๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

จะไปหวังให้บุญหล่นทับ มันไม่มี
หรือหวังแค่บุญที่เขาอุทิศไปให้
เราก็ได้นิดๆ
สู้เราทำเองไม่ได้ เราได้เน็ตๆ

๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

*net ในที่นี้หมายถึงได้บุญเต็มที่

------------------------------

บุคคลผู้มีความเคารพในทาน
เคารพในธรรม จะไปในที่ใด
ย่อมได้รับการยกย่องชื่นชมในทุกแห่งหน
เคารพในทาน ทรัพย์ก็มาง่าย
เคารพในธรรม ธรรมก็มาง่าย

๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

บุคคลที่เคารพในธรรม
มีอานิสงส์
เมื่อปฏิบัติธรรมจะเข้าถึงธรรมได้ง่าย
จะเป็นประเภทปฏิบัติสะดวก
ตรัสรู้ได้รวดเร็ว

๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

สมบัติทั้ง ๓ คือ
มนุษยสมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ
เราจะมีได้ก็เพราะบุญอย่างเดียว
ที่เป็นพลังสำคัญ
ทำให้เรามีความพร้อมในทุกๆ สิ่ง

๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

จะไปทำบุญวัดไหน
ต้องให้เหลือเรื่องเดียว
คือ เราจะมาเอาบุญ
ไม่ต้องการให้ใครมาเอาใจ
ใครจะเอาใจหรือไม่เอาใจก็ไม่เป็นไร
แต่เราต้องรักษาใจของเราให้ใสๆ

๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

เมื่อไปทำบุญที่วัดต้องรักษาใจให้ใสๆ
คนเรื่องมาก มักจะได้บุญน้อย
คนเรื่องน้อย ก็จะได้บุญมาก
เราไม่ต้องการให้ใครมาเอาใจ
แต่เราควรจะรักษาใจของเราให้ใสๆ

๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ตระหนี่ หวงแหน เสียดายทรัพย์
ชาตินี้ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ชาติต่อไปเกิดมาลำบากยากจน
มีชีวิตที่ต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา
จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด
ซึ่งตรงนี้จะเป็นทางมาแห่งบาปอกุศล

๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ทำบุญแล้วหงุดหงิด ขุ่นมัว
เวลาได้ทรัพย์จะได้แบบทุกขลาภ
ต้องมีเรื่องทำให้เซ็งเครียดเบื่อกลุ้ม
เดือดเนื้อร้อนใจ หงุดหงิด งุ่นง่าน
ฟุ้งซ่าน รำคาญใจก่อนจึงจะได้ทรัพย์

๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ถ้าหากเรารักษาอารมณ์ดีอารมณ์เดียว
อารมณ์ใสๆ ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน
ทั้งก่อนทำบุญ ขณะทำบุญ และหลังจากทำแล้ว
เวลาสมบัติเกิดมันจะได้มาอย่างง่ายๆ

๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

คิดก่อน ทำก่อน
บุญเกิดขึ้นก่อน
สมบัติก็เกิดขึ้นก่อน
คิดดูก่อน ทำทีหลัง
บุญก็เกิดขึ้นทีหลัง
สมบัติก็เกิดขึ้นทีหลัง

๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

มีบุญอะไรให้ทำ ก็รีบทำ
อย่าเอาไว้ก่อน อย่าคิดดูก่อน
นอกจากบุญจะเกิดช้า สมบัติเกิดช้าแล้ว
เราอาจจะตายก่อน
ไม่มีโอกาสได้ทำบุญก็ได้

๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

อย่าให้บาปตามทัน
ด้วยการทำบุญให้มากๆ
จนมันตามไม่ทัน
เดี๋ยวมันก็หมดกำลังไปเอง

๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

ทานบารมี เป็นเรื่องสำคัญ
ทำไว้เถิดประเสริฐนัก
เราจะมีโภคทรัพย์สมบัติ
ก็ด้วยอานุภาพแห่งมหาทานบารมีของเรา
ซึ่งจะทำให้การสร้างบารมีข้ออื่นๆ
ที่มีอยู่อีกหลายข้อนั้นสะดวกสบาย ง่ายดาย
เพราะเรามีทรัพย์เป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมี

๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

------------------------------

ความฝืดเคืองในภพชาติต่อไปจะหมดสิ้นไป
ด้วยมหาทานบารมีที่เราสั่งสมกัน
อย่างสม่ำเสมอ
แต่ถ้าหากใครทำไม่สม่ำเสมอ สมบัติก็จะ
มาเป็นช่วงๆ เป็นตอนๆ เราประกอบเหตุอย่างไร
ผลก็เป็นอย่างนั้น เพราะชีวิตในสังสารวัฏมีแต่
เรื่องเหตุกับผล ประกอบเหตุอย่างนี้ ผลก็ต้อง
เป็นอย่างนี้ ที่มีผลอย่างนั้นเพราะประกอบเหตุ
จากสิ่งนั้น มีแต่เรื่องเหตุเรื่องผลทั้งนั้น ไม่ใช่
เรื่องงมงายเลย

๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เราเกิดมาสร้างบารมีก็ต้องทำบุญบ่อยๆ
เหมือนหายใจยังต้องหายใจบ่อยๆ
รับประทานอาหารกันบ่อยๆ
อาบน้ำกันบ่อยๆ พักผ่อนนอนหลับกันบ่อยๆ
ฝนยังตกบ่อยๆ ทุกอย่างต้องทำบ่อยๆ ทั้งนั้น
บุญก็ต้องทำบ่อยๆ
ถ้านานๆ ทำที บุญเราก็น้อย
บุญน้อยๆ จะสู้กับบาปไม่ได้

๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ในตัวมนุษย์มีทั้งบุญทั้งบาป
ดูตัวเราเป็นเกณฑ์
มีทั้งบุญทั้งบาปอยู่ในตัว

๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วันหนึ่งเราได้เวลาเท่ากัน
คือคนละ ๒๔ ชั่วโมง
แต่ได้ไม่เท่ากัน
คือได้บุญกุศลไม่เท่ากัน

๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

อย่านึกว่า...
การมาเกิดในตระกูลเศรษฐีนั้นง่ายนะ
ยากพอๆ กับการไปเกิดบนสวรรค์นั่นแหละ
ต้องมีบุญมีบุญก็เพราะทำบุญ
บุญหล่นทับไม่มี ไม่เคยเจอ
เจอแต่ได้ยินเขาพูดกัน
และส่วนใหญ่คนพูดไม่ค่อยจะมีบุญนะ

๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ในสมัยพุทธกาลหรือก่อนหน้านั้น
เขาวัดความเป็นเศรษฐี จะดูกันที่ตั้งโรงทาน
ใครตั้งโรงทานมาก...แสดงว่ารวยมาก
วันไหนเศรษฐีได้ยินเสียงอื้ออึงของยาจก
วณิพกที่โรงทาน จะรู้สึกปลื้มใจ ดีอกดีใจ หน้า
บานเป็นกระด้งแป้ง ถ้าวันไหนไม่ได้ยินเสียง
เศรษฐีจะกลุ้ม แสดงว่าวันนั้นไม่มีคนมารับทาน
นี่ความทุกข์ของเศรษฐีผู้ใจบุญในสมัยโน้น

๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

มีบางท่านเข้าใจผิด ถามว่า
“ถ้าเสียเงินซื้อบุญ
แล้วจะได้ไปสวรรค์ไหม”
คือมีความรู้สึกว่า ได้เอาเงินซื้อบุญ
เหมือนซื้อวัตถุสิ่งของ ซึ่งมันไม่ใช่
“บุญ” ซื้อไม่ได้ ไม่ใช่การซื้อขาย ต้องมี
จิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เคารพในทานนั้น
จิตต้องบริสุทธิ์ นิวรณ์ครอบงำไม่ได้ บุญถึงจะ
เกิดเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการซื้อขาย ต้องเข้าใจ
ตรงนี้

๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เมื่อทำบุญไปแล้ว
ให้นึกทบทวนบุญบ่อยๆ
นึกทุกครั้งบุญจะทับทวีขึ้นเรื่อยๆ
ตรงนี้สำคัญ ต้องฝึกให้คุ้น

๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ต้องหมั่นนึกถึงบุญบ่อยๆ
บุญของเราจะได้เพิ่มขึ้น
อย่าเข้าใจผิดคิดว่า ทำกันครั้งนั้นแล้วก็
เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว “บุญ” ไม่เหมือนกับการ
รับประทานอาหาร ทานอาหารมื้อนั้นเสร็จเรียบร้อย
แล้ว กลับมานึกใหม่ในวันหลังมันไม่อิ่มท้อง แต่
นึกถึงบุญแล้วจะอิ่มใจ ทำครั้งหนึ่งนึกได้นับครั้ง
ไม่ถ้วน นึกทุกครั้งบุญก็เพิ่มเติมขยับขยาย
เพิ่มขึ้นทุกครั้ง

๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ผลของบุญมีจริง
นรกสวรรค์มีจริง
โดยเฉพาะบุญ
ที่ทำในพระพุทธศาสนานั้น
มีผลมากจริงๆ

๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

จะมือถึง ใจถึง ทีมถึง ทุนถึง
แต่ถ้าบุญไม่ถึง ก็ไปไม่ถึงเป้า

๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

บาปแก้ได้ด้วยบุญ
บาปใครจะช่วยล้างไม่ได้
จะถ่ายถอนแทนก็ไม่ได้
จะต้องล้างเอง แก้เอง ถ่ายถอนเอง
ด้วยการสั่งสมบุญ

๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

------------------------------

เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้ไม่นาน
รวยก็รวยไม่นาน จนก็จนไม่นาน
เพราะฉะนั้นเมื่อเราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี
ก็ต้องสร้างให้เต็มที่
เราใช้บุญเก่ากันไปทุกวัน ทุกอนุวินาที
ตลอดเวลาเลย
แต่บุญใหม่นานๆ ทำที อย่างนี้ไม่ถูกต้อง
มันต้องให้พอๆ กัน
หรือให้ยิ่งกว่าบุญเก่าที่เคยทำผ่านมา

๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

------------------------------




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Facebook