ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เราเกิดมาสร้างบารมี

ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เราเกิดมาสร้างบารมี
เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไร 3



๕๗.กายมนุษย์เท่านั้นสร้างบารมีได้

เราเกิดมาสร้างบารมีก็ต้องสร้างกันให้เต็มที่เต็มกำลัง
อย่าไปขยักขย่อน เพราะชีวิตมนุษย์สั้นนัก
ไม่ช้าเดี๋ยวเราก็ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
การเวียนว่ายในสังสารวัฏนี้
กายมนุษย์เท่านั้นที่สร้างบารมีได้
กายอื่น ภพอื่น ทำได้ยาก
นาน ๆ จึงจะมีปรากฏสักครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นกรณียกเว้น
อย่างท้าวสักกเทวราชกับนางสุชาดาที่ได้ถวายทานกับพระอรหันต์
เราอย่าไปคิดทำอย่างนั้น เพราะมันเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ
ตอนนี้เรายังมีกายมนุษย์ ยังมีชีวิตอยู่
มีเรี่ยวมีแรงแค่ไหนก็สร้างบารมีกันให้เต็มที่เต็มกำลัง
เมื่อไรที่บุญส่งผล เราจะปลื้ม
๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗

๕๘.เพาะกล้าแห่งความดี

ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าจะชวนใครสร้างบารมี ไม่ต้องเกรงใจ
เราไม่ได้ชวนเขาไปดื่มเหล้า เจ้าชู้ เล่นการพนัน
เพราะฉะนั้นชวนไปเลย
ซึ่งก็จะเจอคน ๓ ประเภท
ที่อินทรีย์แก่กล้า พอบอกปั๊บ ทำทันที
ถ้าอินทรีย์ปานกลาง พอได้ฟังแล้วขอคิดดูก่อน
ส่วนที่อินทรีย์อ่อน ๆ ประเภทนี้ก็จะปฏิเสธพัลวัน
ทำไมต้องชวนทำบุญบ่อย ๆ
อย่างนี้อินทรีย์ยังอ่อนอยู่ ถูกความตระหนี่ได้ช่องครอบงำ
แต่ก็ยังพอมีแสงสว่างเล็ดลอดผ่านให้ไปถึงเขาได้

วันนี้แม้เขายังไม่เข้าใจ
แต่วันข้างหน้า สิ่งที่เราได้มอบให้เขา
เมล็ดพืชที่เราเพาะไว้ในดวงใจเขา
ที่ชวนเขาสร้างบารมีก็จะเจริญเติบโตขึ้น
และวันนั้นเขาก็จะคิดได้
เพราะฉะนั้นเราไปทำหน้าที่
ไปชวนเขาเถิดประเสริฐนัก
คนมีตั้งหลายพันล้านคน
ชาตินี้เราจะชวนคนสร้างความดีได้สักล้านคนไหม
เราต้องคิดว่า จะต้องชวนคนให้มาสร้างความดีให้ได้เป็นล้านคน
เคยคิดอย่างนี้ไหม
๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

๕๙.กัลยาณมิตร

หลักสำคัญที่สุด
ของการทำหน้าที่กัลยาณมิตร
คือ การปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมบุญกุศลไว้ในตัวมาก ๆ
แล้วตัวเราจะมีพลังใจที่เข้มแข็ง เบิกบาน มีความสุข
กระแสแห่งความสุขใจของเราจากการประพฤติปฏิบัติธรรม
จะแผ่ขยายออกไปรอบตัว เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา
แต่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ
บุคคลใดก็ตามที่เข้าใกล้เรา
เขาจะมีความรู้สึกเย็นใจ สุขใจ อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนคนเดินฝ่าเปลวแดดร้อนแรงมา แล้วเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่
ได้นั่งพักใต้ร่มไม้นั้น ย่อมมีความเย็นกายเย็นใจฉะนั้น

และการที่พวกเราออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร
ไปพบปะหมู่ญาติเพื่อนร่วมโลกของเรา
เพื่อที่จะเชิญชวนให้เขามาสร้างบุญร่วมกับเรานั้น
ไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในต่างจังหวัด หรือในกรุงเทพฯ ก็ดี
อย่าคิดว่าเราทำหน้าที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
อย่าลืมว่าหลวงพ่อไปกับลูก ๆ ด้วย ให้ระลึกเสมอว่า
เราทุก ๆ คนอยู่ในศูนย์กลางพระธรรมกาย
ของหลวงพ่อ และคุณยายเสมอ
ให้ตรึกใจไว้ที่ศูนย์กลางกายทุกครั้งที่ออกไปทำหน้าที่
ณ ตำแหน่งตรงนี้เราจะเปิดใจพบกับหลวงพ่อ
ถ้าเราทำได้อย่างนี้ การทำหน้าที่กัลยาณมิตรของเรา
ก็จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์
๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘

๖๐.ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร


กัลยาณมิตร หรือ ผู้นำบุญ
ไม่ใช่หมายถึงผู้ที่ไปเชิญชวนคนมาทำบุญเท่านั้น
หากแต่หมายถึง บุคคลนั้นจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีงามแก่ชาวโลก
ทั้งความประพฤติทางกาย วาจา ใจ
ต้องอุดมไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
อย่างนี้จึงจะเรียกว่า “กัลยาณมิตร” อย่างแท้จริง
หลักสำคัญที่สุดของทุกชีวิต ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละชาตินั้น
ต่างก็ต้องการแสวงหาความสุขแท้จริงทั้งนั้น
และความสุขนี้รวมประชุมอยู่ในพระธรรมกาย
ซึ่งอยู่ในศูนย์กลางกายของมนุษย์ทุก ๆ คน
ในฐานะที่เราเป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร
เราก็ต้องไปแนะนำชาวโลก

เพื่อให้เขาพบความสุขที่แท้จริง
เพื่อให้เขาเข้าใจเรื่องโลกและชีวิตอย่างถูกต้อง
เพื่อแนะนำให้เขาได้เข้าถึงพระธรรมกายภายในให้ได้
การที่จะเข้าถึงพระธรรมกายภายในได้นั้นจะต้องสั่งสมบุญ
ตั้งแต่การให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ
แม้ทีละเล็กละน้อยก็จะค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้น
แล้วในที่สุดก็จะน้อมนำใจเราเข้าถึงพระธรรมกาย
พบกับความสุขภายใน ความสุขก็จะขยายออกมาภายนอก
ทำให้จิตใจเบิกบาน ผิวพรรณวรรณะผ่องใส
มีพลังใจที่จะดึงดูดหมู่ญาติให้มาร่วมบุญด้วย
นี้เป็นหลักสำคัญของผู้นำบุญ
ดังนั้น กัลยาณมิตรจะต้องปฏิบัติธรรมทุก ๆ วัน
อย่างสม่ำเสมอ ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว
ไม่ว่าเราจะมีภารกิจเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม
เราก็จะไม่ทิ้งเรื่องปฏิบัติธรรม
๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘

๖๑.อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

นักรบกองทัพธรรมเมื่อเข้าสู่สมรภูมิรบ
ก็คล้าย ๆ ทหารทางโลกที่เข้าสู่สมรภูมิ
ก็จะต้องเจออาวุธทุกชนิดของข้าศึก
เราจะเลือกไม่เจอก็ไม่ได้ เลือกเจอบางชนิดก็ไม่ได้อีก
ต้องอดทนถึงจะเป็นนักรบทางโลกได้
ทางธรรมก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องเจอ
เพราะเราไปรบกับความตระหนี่ที่อยู่ในใจเขา
เรากำลังจะให้เขาเอาชนะความตระหนี่ เราจะมาท้อใจทำไม
มันไม่ใช่รบกันเหมือนเล่นลิเกละคร ร้องไปถือดาบไม้ไป
รำป้อฟันกัน ๒ ที แล้วก็เดินสวนกัน ร้องเพลงกันไป มันไม่ใช่
นี่เป็นเรื่องจริง ๆ ของชีวิตที่มันเกิดขึ้น
ถ้าเราอดเปรี้ยวได้ เดี๋ยวเราก็จะได้กินหวานที่ยาวนาน
หวานชื่นบานอยู่ในสุคติโลกสวรรค์
ชื่นบานอยู่ในมนุษยโลกในภพชาติต่อไปอีกยาวนาน
ผลที่ได้เกินควรเกินคาด เหนือความคาดคิดของมนุษย์ทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้มีดวงปัญญากว้างขวางใหญ่โตแค่ไหน
มีความรู้ความสามารถแค่ไหน เขาคาดคะเนกันไปไม่ถึง
นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นถึงจะรู้

เพราะฉะนั้น เราอยู่ในโลกนี้อีกไม่กี่ปี
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าลืมคำนี้ มันมีความหมายที่ลึกซึ้ง
จะเจอเปรี้ยวจี๊ด เปรี้ยวปาก เปรี้ยวขนาดไหนก็ช่างมัน
เจอคนเปรี้ยว ๆ กิริยาท่าทางเปรี้ยว ๆ คำพูดเปรี้ยว ๆ
อดทนเอาไว้ อดใจเอาไว้ หรือมีสิ่งที่มาล่อเราให้ไปทำอย่างอื่น
ดูแล้วหรูดี มันมีทางมาแห่งลาภ ยศ สรรเสริญ
ทรัพย์สิน เงินทอง ก็ต้องอดใจเอาไว้
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ด้วยการสร้างความดีของเรา
ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์
ใช้ร่างกายนี้ให้เหมือนอ้อยที่หีบเอาความหวานออกให้หมด
เหลือแต่ชานก็ทิ้งไป ร่างกายนี้เหลือแต่ซากแล้วเราก็ทิ้งไป
ส่วนความดีบุญกุศลก็เอาติดตัวไปในภพเบื้องหน้า
เพราะฉะนั้น ยามนี้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ทนลำบากอีกเพียงเล็กน้อย ไม่กี่สิบปีในเมืองมนุษย์
แต่ว่าหวานของเรานี้เป็นหมื่นเป็นแสนปี มันยาวนานมาก
ผู้มีปัญญาเขายอมอดเปรี้ยวแต่ไปกินหวานตรงนั้น
๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕

๖๒.นักรบกองทัพธรรม...ต้องไม่หวั่นไหว

นักรบกองทัพธรรมต้องไม่หวั่นไหวในอุปสรรคทั้งมวล
อย่าคิดว่า เราเป็นมนุษย์ธรรมดาก็ต้องมีความหวั่นไหวบ้าง
ถ้าเป็นคนอื่นยอมให้หวั่นไหวอย่างนั้นได้
แต่นักรบกองทัพธรรมที่แท้จริง ต้องไม่หวั่นไหว
ต้องสู้ ต้องหาหนทางทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีทางตัน
ทุกปัญหามีทางออก ถ้าใจสงบเดี๋ยวเราก็พบทางออก
เราต้องทำความเข้าใจในทุกสิ่งว่า
ตอนนี้ธรรมะกับอธรรมกำลังรบกันอยู่
ยังไม่มีใครแพ้ ใครชนะ ล้วนแต่มีฤทธิ์พอ ๆ กัน
เพราะฉะนั้นเราจะให้ได้สมหวังดังใจในทุกสิ่ง มันไม่ได้
ดังนั้น เวลาเราไปทำหน้าที่
ก็จะไปเจอคน ๓ ประเภท คือ
ที่มีอินทรีย์แก่ อินทรีย์ปานกลาง และอินทรีย์อ่อน

ใจของเราต้องเด็ดเดี่ยว อย่าให้ใจเรากระเพื่อม
เมื่อโปรดเขายังไม่ได้ ก็วางเขาไว้ก่อน แต่ไม่ได้ทิ้ง
สักวันหนึ่งเราจะหวนคืนมาใหม่
แล้วหอบเอาเขากลับไป
ชีวิตมนุษย์เป็นทุกข์ สักวันหนึ่งเขาต้องเจอ
ไม่ทุกข์อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
วันนั้นเขาจะคิดถึงเรา จะตามหาเรา
และวันนั้นจะเป็นวันที่เขามีความพร้อมที่จะต้อนรับเรา
พร้อมที่จะฟังธรรม ฟังคำแนะนำที่ดีจากเรา
๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕

๖๓.เหนื่อยแต่คุ้ม

ถามว่า “เหนื่อยไหม”
ในการที่เราจะไปชวนเขามาทำความดี
ตอบว่า “เหนื่อย”
แต่ไม่ว่าจะทำมาค้าขายก็เหนื่อย
จะออกกำลังกายเพื่อจะให้ความแข็งแรงกับตัวเราก็เหนื่อย
แปลว่า จะทำอะไรก็เหนื่อย แต่เหนื่อยแล้วมันสุดคุ้ม
เหนื่อยแต่มีความสุข
มีหลายคนถามหลวงพ่อว่า “เหนื่อยไหม”
ก็เหนื่อยนะ แต่มีความสุขในการที่จะนำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาถ่ายทอดให้ทุกคนได้ฟัง หรือให้ทุกคนได้ทำความดี
เพราะฉะนั้นเราเกิดมา เราก็ต้องเหนื่อย
และก็ต้องเหนื่อยกันทุกวันด้วย เราหาวิธีเหนื่อยที่มันคุ้ม
๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

๖๔.ถ้าไม่เหนื่อยจะได้บารมีมาจากไหน

การสร้างบารมีบางครั้งเราก็ต้องอดทน
ต้องเหนื่อยยากลำบาก
เพราะถ้าเราไม่เหนื่อยยากลำบากเราจะได้บารมีมาจากไหน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติเป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง
หมายความว่า เราต้องอดทนอดกลั้นที่จะสร้างบารมี
เราเคยได้ยินคำว่า “บุญหล่นทับ” แต่ความจริงแล้วไม่มี
จะมีได้ก็ต่อเมื่อเราทำ
๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Facebook