คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่มินิ 1
กฎแห่งกรรม คือ กฎแห่งการกระทำ
หรือกฎแห่งเหตุและผล
ประกอบเหตุเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทำอย่างไรได้อย่างนั้น
ปลูกถั่วก็ต้องเป็นถั่ว
ปลูกงาก็ต้องเป็นงา
๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
Law of Karma หรือ กฎแห่งการกระทำ
ทั้งทางกาย วาจา ใจ
เป็นเรื่องที่เราควรศึกษาอย่างยิ่ง
เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของเรา
เราคิด เราพูด เราทำ ล้วนมีผลทั้งสิ้น
๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
กฎแห่งกรรม มีมายาวนานตั้งแต่เมื่อไร
จะสิ้นสุดตรงไหน ยังไม่มีใครรู้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เป็นผู้บัญญัติ
แต่มีผู้ที่เขาตั้งกฎนี้ขึ้นมา
เป็นผู้ที่มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก
๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
ใครเขาจะมายุแหย่เราว่า
เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่
ก็ให้เขาพูดไปเถอะนะลูกนะ
อย่าไปหวั่นไหวตามเขา
...มันมีจริง...
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ไปเห็นมา
ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม
เขาก็เห็นกันตั้งเยอะแยะ
๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖
กรรม คือ การกระทำ
ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
จะดีหรือชั่ว จะเจตนาหรือไม่เจตนา
จะน้อยหรือมาก ล้วนมีผลทั้งสิ้น
ที่ไม่มีผลไม่มีเลย
๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
เราลิขิตชีวิตเราเอง
ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับ
ฟ้าลิขิต พรหมลิขิต
หรือเทวดาองค์ใดมาลิขิต
แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเราเอง
ทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นผู้ลิขิต
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
โลกนี้เป็นโลกแห่งการ
แสวงบุญ
ไม่ใช่โลกแห่งการ
เสวยบุญ
๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
การกระทำอะไรก็ตาม
ทั้งที่ลับที่แจ้ง
ใครจะเห็นหรือไม่เห็นก็แล้วแต่
แต่กฎแห่งกรรมเขาเห็น
และได้บันทึกติดเอาไว้ในตัวผู้กระทำ
๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
กฎแห่งกรรมเป็นสิ่งที่
เราต้องศึกษา...ต้องเรียนรู้เอาไว้
ไม่รู้อันตราย ถ้ารู้แล้วรอดปลอดภัย
แม้ยังไม่หมดกิเลส แต่ก็จะมีชีวิต
อยู่ในสังสารวัฏอย่างปลอดภัยจากอบาย
๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ถ้าไม่รู้หรือไม่ได้ศึกษา
เรื่องกฎแห่งกรรม
การดำเนินชีวิตในสังสารวัฎ
อันตรายมาก
๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
นรก สวรรค์เป็นของกลางของโลก
ไม่เกี่ยวกับความเชื่อในศาสนาใดๆ
แต่เป็นเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม
Law of Karma ซึ่งเป็นกฎสากล
๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
มนุษย์ทุกคน
ต่างตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่เราจะต้องเรียนรู้และศึกษาเอาไว้
ไม่รู้...อันตราย
๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
กฎหมายเรายังหลีกเลี่ยงได้บางครั้ง
แต่กฎแห่งกรรมหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในน้ำ บนบก กลางอวกาศ
หรือดวงจันทร์ ดวงดาวต่างๆ
ตราบใดที่เรายังมีกายและใจ
มันจะติดตามตัวเราไปเหมือนเงาตามตัว
๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
อยู่ในสังสารวัฏ
อย่างปลอดภัยจากอบาย
เพราะว่าทำถูกหลักวิชชา
กฎแห่งกรรม
๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
บ่อยครั้งที่เรากระทำผิดพลาด
ทั้งทางกาย วาจา ใจโดยที่ไม่รู้
และเพราะความไม่รู้นี่เองที่ทำให้มนุษย์
ต้องได้รับวิบากกรรม
ที่ไม่อาจจะแก้ตัวได้ว่า “ไม่รู้”
วิบากกรรมนั้น
เหมือนระเบิดเวลา
ที่เขาตั้งเอาไว้อยู่ในตัว
พอถึงเวลา...มันก็ระเบิดตูมขึ้นมา
๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖
เราจะเชื่อ...ตอนเป็น
หรือจะไปเห็น...ตอนตาย
ถ้านรกสวรรค์ไม่มีก็...เจ๊ากันไป
ถ้าเกิดมี แล้วใครไม่ได้ศึกษา
ไม่ได้สั่งสมบุญเอาไว้...เจ๊งเลย
แต่ถ้าได้ศึกษาเตรียมตัวไว้ก่อน
ด้วยการทำทาน รักษาศีล
เจริญภาวนา...ก็เจ๋งเลย
๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
บางคนไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม
บอกว่า มองไม่เห็น
เรามองไม่เห็นกรรม หรือผลของกรรม
แต่เวรกรรมนั้นเห็นเรา
เหมือนหัวกระสุนที่วิ่งมุ่งเข้าเป้า
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ผลที่เราเจอในปัจจุบัน
คือ เหตุในอดีตที่เราประกอบมา
๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส
ก็ยังไม่หมดกรรม
เมื่อไม่หมดกรรม
ก็ยังไม่หมดวิบาก
๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ถ้าพุทธบริษัท ๔
ศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมและมีความเชื่อมั่น
พระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงเจริญรุ่งเรืองได้
๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
อย่าทำแท้ง...มันเป็นบาป
พ่อแม่ฆ่าลูก เราจะให้เหตุผลว่า...
“ไม่พร้อม” ไม่ได้
เมื่อเราอยู่ในฐานะบิดามารดา...
เราต้องรับผิดชอบ
๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ดื่มสุราก็เหมือนดื่มยาพิษ
แม้ว่าถูกกฎหมาย
แต่ผิดกฎแห่งกรรม
๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
โลกจะสวยงาม
เมื่อปราศจากน้ำเมา
และอบายมุข
๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
อดทนข่มใจเอาไว้
ไม่ผูกโกรธ ไม่ผูกเวร
เพราะเวรย่อมระงับ
ด้วยการไม่จองเวร
๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ทุกสิ่งที่เราทำ
ทุกคำที่เราพูด
ทุกอย่างที่เราคิด
ล้วนส่งผลให้ชีวิตของเรา
ดีหรือเลวได้ทั้งสิ้น
๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘
อย่าทำร้ายตัวเอง
ด้วยการคิดเรื่องหมองๆ
จะทำให้แก่ง่าย ตายเร็ว
๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ถ้านึกถึงองค์พระ
ใจใส ใจสบาย
จะทำให้แก่ยาก...ตายช้า
๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ความคิดไม่ดีก็คือโจร
ที่มักจะขโมยความสุข
ไปจากเรานั่นเอง
๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒
ถ้าใจของเรา “ดี” เสียแล้ว
ความคิดของเราจะดี
คำพูดดี การกระทำดี
ใจก็สบาย กายก็สบาย
ทั้งตัวเราและสิ่งแวดล้อม
ก็จะพลอยดีตามไปด้วย
๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑
ทำบุญแล้วไม่ได้อธิษฐาน
ให้อยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนา
ก็มีโอกาสพลัดไปได้
๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
การอธิษฐานจิต
คือ
การออกแบบชีวิต
๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
อธิษฐาน...
ไม่ใช่การค้ากำไรเกินควร
สร้างบุญอะไรเราก็อธิษฐาน
เป็นอธิษฐานบารมี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
ก็ทรงทำมาตลอด
คำว่า “ค้ากำไรเกินควร”
ต้องไปใช้กับนักธุรกิจ
มาใช้กับนักสร้างบารมีไม่ได้
เราไม่ได้ทำมาค้าขาย
แต่เราทำมาสร้างบารมี
๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
การอธิษฐานจิตไม่ใช่เป็นความโลภ
หรือการค้ากำไรเกินควร
เราจะเอาไปเปรียบเทียบกับธุรกิจไม่ได้
๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ทุกครั้งที่ทำบุญ
เราต้องอธิษฐาน
ถือเป็น “อธิษฐานบารมี” ของเรา
๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
เราตั้งจิตอธิษฐานอย่างไร
พลังบุญซึ่งเป็นกระแสบุญธาตุอันบริสุทธิ์
ก็จะส่งเอาไปใช้ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ตามความปรารถนาของเรา
ถ้าเราปรารถนาใหญ่
กำลังบุญก็ต้องพอเหมาะกัน
๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
นอกเหนือจาก...
ความขยัน
ความอดทนแล้ว
จะต้องมี “พลังบุญ”
ที่จะหนุนความสำเร็จ
ให้เกิดขึ้นได้
๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗
บุญเท่านั้น
ถึงจะเป็นพลังสู้กับบาปได้
อาวุธยุทโธปกรณ์จะไฮเทคแค่ไหน
ก็สู้กับบาปอกุศลไม่ได้เลย
๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖
หมั่นแผ่เมตตา
คือ ขยายใจให้กว้าง
และปรารถนาดีกับทุกๆ คน
๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ที่สาบานเอาไว้ว่า
จะไปทำบุญวัดนั้น วัดนี้
สาบานไว้ที่ไหน
ก็อย่าลืมไปทำที่นั่นด้วย
ไม่อย่างนั้นเราจะเสียสัจจะ
ทำแล้วจะได้สบายใจ
ว่าเราได้ให้สัจจะเอาไว้แล้ว
และเราก็ทำแล้ว
๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
คำอธิษฐานจิต
เป็นสัจจะวาจาของบุคคลนั้น
มีความศักดิ์สิทธิ์
และสามารถยังผลสำเร็จ
ให้เกิดขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์
๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ผู้ฉลาดจึงยอมลำบากสั่งสมบารมีในช่วงสั้น
เพื่อสบายในช่วงยาว...หลังความตาย
๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
เมื่อละโลกแล้วสิ่งที่เรากระทำไว้
จะเป็นประดุจเงาติดตามตัว
ถ้าสิ่งที่ทำนั้นเป็นบุญ เป็นความดี
วิบากก็เป็นความสุข
ความบันเทิงในสุคติโลกสวรรค์
ถ้าสิ่งที่ทำนั้นเป็นบาปอกุศล
ถ้าจิตเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส
ละโลกแล้วก็จะไปทุกข์ทรมานในอบาย
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ตายแล้วไม่สูญหาย
ชีวิตไม่ได้สิ้นสุดที่เชิงตะกอน
แต่ยังมีชีวิตหลังความตายอีก
๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ตายแล้วไม่สูญ
มีภพภูมิรองรับอยู่
๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ตายแล้ว...ไปไหน
ขึ้นอยู่กับเราดำเนินชีวิตมาอย่างไร
๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ชีวิตหลังจากตายแล้วมีอยู่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนอยู่ตลอดเวลา
เรื่องภพ เรื่องชาติ
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
สิ่งที่จำเป็น
สำหรับชีวิตหลังความตาย
คือ บุญกุศล
๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
การไปสวรรค์
ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นหลัก
ไม่มีใครบันดาลได้
๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
ชีวิตหลังความตาย
ตัดสินกันที่บุญและบาป
ใจใสหรือใจหมอง
๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ชีวิตหลังจากตายแล้ว
ตัดสินกันที่ดีกับชั่วเท่านั้น
ไม่ใช่ เก่ง เฮง
หล่อ รวย สวย ฉลาด
๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ตอนไปปรโลกเขาไม่ได้ตัดสินว่า
ใครหล่อ ใครสวย ใครขี้เหร่
ใครรวย ใครจน
ใครจะยิ่งใหญ่มาจากไหน
จะเป็นมาเฟีย โคตรมาเฟีย
หรือจะเป็นผู้มีอำนาจวาสนา
แต่เขาตัดสินกันที่บุญและบาป
ถ้าทำบุญก็ไป...สวรรค์
ทำบาปก็ไป...อบาย
๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
ชีวิตหลังจากตายแล้ว
ไม่มีการทำมาหากิน
เป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป
๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ชีวิตหลังจากตายแล้ว
ไม่มีการหว่าน ไม่มีการไถ
ไม่มีการทำไร่ทำสวน
ไม่มีการทำมาค้าขาย
เป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป
ที่สั่งสมเอาไว้ตอนเป็นมนุษย์
๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
จะเอาความชำนาญ
ตอนที่เราเป็นมนุษย์
ไปใช้ในปรโลกไม่ได้เลย
ปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป
๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗
เราจะนำเงินทอง อัญมณี รัตนะอันมีค่า
หรือนำเงินไปซื้อทองเท่าภูเขา
ก็ต่อรองกับพญายมราช
เพื่อไม่ให้ไปอบายไม่ได้
๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔
ชีวิตในสุคติโลกสวรรค์
เขาวัดกันด้วยกำลังบุญ
เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ
๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ชีวิตในปรโลก
เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ด้วยบาป
ด้วยตัวของเราเอง
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
เราต้องพึ่งตัวเอง ต้องช่วยตัวเอง
ด้วยการสั่งสมบุญไว้มากๆ ตอนยังมีชีวิตอยู่
อย่าไปหวังให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่
ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ผู้ที่อยู่ในปรโลก
มีความปรารถนาบุญอย่างยิ่ง
เพราะบุญเป็นทุกสิ่งในปรโลก
๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป
ชดใช้บาปก็ยาวนาน
เสวยบุญก็ยาวนาน
๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
บุญที่เราทำตอนมีชีวิตอยู่
จะเป็นที่พึ่งในปรโลก
จะทำให้เราไปเกิดอยู่
ในภาวะที่สูงส่งในสุคติโลกสวรรค์
๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
นรก สวรรค์มีจริง
อย่าเข้าใจเพียงว่า
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
หรือคิดว่า
เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่
๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
อย่าพูดว่า
“นรก สวรรค์พิสูจน์ไม่ได้”
แต่เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ต่างหาก
๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
นรก สวรรค์มีจริง
พิสูจน์ได้ด้วยพุทธวิธี
อย่าเพิ่งไปสรุปว่า พิสูจน์ไม่ได้
เมื่อเรายังไม่ได้พิสูจน์
ถ้าได้พิสูจน์...ก็พิสูจน์ได้
๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
เรื่องนรก สวรรค์
ผู้ที่เขามีรู้ มีญาณ
เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย
ไปมาหาสู่กันเป็นปกติ
๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
เรื่องนรก สวรรค์
เป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ของเก่านำมาเป่าฝุ่นใหม่
๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
พระเดชพระคุณ พระมงคลเทพมุนี
ท่านกล่าวว่า
“ได้ธรรมกายแล้วศึกษาวิชชาธรรมกาย
ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้
ไปนิพพานก็ได้”
๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
นรก สวรรค์ นิพพาน...มีจริง
พระธรรมกาย...มีจริง
วิชชาธรรมกาย...มีจริง
เข้าถึงแล้ว เราก็จะได้ไปพิสูจน์ของจริงๆ
ได้ด้วยตัวของเราเอง
๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
การที่เราจะพิสูจน์ว่า
นรก สวรรค์มีจริงไหม นิพพานมีจริงไหม
เราจะพิสูจน์ด้วยวิธี การอ่าน การฟัง
การคิด วิเคราะห์ ถกเถียงกันไม่ได้
การจะพิสูจน์ว่า นรก สวรรค์มีจริงไหม
มันอยู่ในระดับภาวนามยปัญญา
ต้อง ปญฺญา ย ปสฺสติ เห็นด้วยปัญญา
๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
นรก สวรรค์
เหนือวิสัยของการนึกคิดด้วยสติปัญญา
คิดไปก็กะโหลกบาน สติเฟื่อง
มันเป็นวิสัยของผู้เข้าถึง ปฏิบัติได้
๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
เรื่องนรก สวรรค์ นิพพาน
เป็นสิ่งที่มีจริง พิสูจน์ได้
๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
อย่าเพิ่งไปสรุปว่า
นรก สวรรค์ เป็นเรื่องไกลตัว ไม่มีจริง
มันไม่ใช่เรื่องไกลตัว
แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลย
เพราะทุกการกระทำนั้น
จะมีผลโยงไปถึงภพภูมิหลังความตาย
อย่าไปสรุปว่า นรก สวรรค์ ไม่มี
เพราะเราไม่เคยเห็น
และไม่เคยเห็นใครเห็นด้วย
เพราะบางอย่างที่เราไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่า ไม่มี
เพราะคนที่เขาเห็น...มีอยู่
๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
เมื่อเราทำบุญอุทิศส่วนกุศล
ไปให้หมู่ญาติที่ละโลกไปแล้ว
จากทุกข์มาก...ก็ทุกข์น้อย
ทุกข์น้อย...ก็พ้นทุกข์
สุขน้อย...ก็สุขมาก
สุขมากแล้ว...ก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ญาติที่ละโลกไปแล้ว
เมื่อพ้นทุกข์และมีสุขด้วยบุญที่เราอุทิศไปให้
เขาจะอนุโมทนาขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง
๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
กายมนุษย์มีไว้สร้างบารมี
บุญบาปชิงช่วงช่วงชิงกันอยู่
หมองกับใสชิงช่วงช่วงชิงกันอยู่
ต้องสั่งสมความใสเอาไว้
ใสจนกระทั่งเรามั่นใจว่า
อยู่ในระดับที่ปลอดภัย คือ
มีดวงใสๆ องค์พระใสๆ นั่นแหละ
ถึงจะปลอดภัยจากอบายภูมิ
เปิดประตูสุคติโลกสวรรค์
๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น