คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่มินิ 2
ต้องให้ทาน รักษา ศีล เจริญภาวนา
ทั้งทำด้วยตัวเอง
และชวนคนอื่นด้วย
เราจะได้เป็นผู้มีบุญบารมีมากๆ
๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
นักสร้างบารมีควรมีหัวใจของผู้ให้
ให้ความรัก ความปรารถนาดี
ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้อภัยต่อบุคคลที่พลาดพลั้งล่วงเกินเรา
ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้ข้าวปลาอาหาร
ให้โอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส
เมื่อให้แล้วใจของเราจะเกิดความผาสุก
เมื่อใจผาสุก เราก็จะเข้าถึง
พระรัตนตรัยภายในได้ง่าย
๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๑
เชื้อแห่งความดี
มีอยู่ในตัวของทุกคน
ขึ้นอยู่กับว่า...
จะเอามาใช้หรือไม่ใช้เท่านั้น
ถ้าเอามาใช้...ก็ใช้ได้
ใช้ไม่ได้...เพราะไม่ได้ใช้
๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เจ้าของบุญนั้นมีอยู่มาก
ให้ใช้ดวงปัญญากับความปรารถนาดีของเรา
ไปชักชวนเขามาสร้างความดี
เพราะทุกคนมีเชื้อแห่งความดีอยู่แล้ว
ไปพูด ไปชี้แจงให้เขาฟังว่า...
ทำบุญแล้วดีอย่างไร
อย่างนี้เรียกว่า...ใช้ปัญญาทำบุญ
แล้วเดี๋ยวความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น
๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑
เมื่อถูกชวนทำความดี
มันต้องคึกคัก ว่องไว
ไม่ใช่ชักช้า เฉื่อยชา
ต้องตื่นตัว...ตื่นตา...ตื่นใจ
๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าจะชวนใครสร้างบารมี
ไม่ต้องเกรงใจ
๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
อย่าท้อถอย อย่าวิตกกังวล อย่าทุกข์ใจ
ให้มีแต่ความอาจหาญ
ร่าเริง เบิกบานในธรรม
ในหน้าที่ของเราที่ได้เกิดมา
เป็นผู้นำบุญ ยอดกัลยาณมิตร
๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
“ผู้นำบุญ” ไม่ใช่ผู้ที่ไปเชิญชวน
คนมาทำบุญเท่านั้น
แต่จะต้องเป็นต้นบุญต้นแบบ
ที่ดีงามแก่ชาวโลก
ต้องอุดมไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
อย่างนี้จึงจะเรียกว่า “ผู้นำบุญ” ที่แท้จริง
๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘
ให้นึกเสมอว่า...
เราจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกๆ คน
ไม่ว่ากิจวัตรกิจกรรมอันใดทั้งสิ้น
ใครจะเป็นอย่างไร เรื่องของเขา
แต่เรื่องของเราต้องดีที่สุด
เราทำของเราให้ถูกต้องและดีงาม
เมื่อเราทำอย่างสม่ำเสมอ
จะเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ใจอ่อนแอ
เผอเรอจากกิจวัตรกิจกรรม
เขาจะคึกคักเข้มแข็งตามเรามาด้วย
ถ้าเราเข้มแข็ง...เขาจะเข้มแข็ง
ถ้าเรามีระบบระเบียบ...
เขาก็จะมีระบบระเบียบด้วย
๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙
เราต้องเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดี
ของเพื่อนมนุษย์
ด้วยการทำสิ่งดีๆ ให้เขาดู
บางอย่างก็ต้อง “แนะ” ให้เขาทำ
บางอย่างก็ต้อง “ทำ” ให้เขาดู
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
ชาวโลกต้องการต้นแบบที่ดี
ต้องการผู้มีกำลังใจเข้มแข็ง
รู้วิธีดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
ทุกคนกำลังต้องการความช่วยเหลือตรงนี้อยู่
ถ้าเราเข้มแข็ง..เขาจะเข้มแข็งตาม
ถ้าเราสว่าง...เขาก็จะสว่างตาม
ถ้าเราใจใส...เขาก็จะใจใสตาม
โลกนี้ก็แล้วแต่เรา
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
จงเป็นยอดนักรบกองทัพธรรม
ที่เป็นที่พึ่ง
เป็นต้นบุญต้นแบบ
ให้แก่ชาวโลก
๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕
เราต้องเป็นผู้นำเขา
ไปสู่เส้นทางแห่งความดี
อย่าให้เขานำเรา
ไปในทางไม่ดี
๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
เมื่อยังโปรดเขาไม่ได้
ก็วางเขาไว้ก่อน แต่ไม่ได้ทิ้ง
สักวันหนึ่ง...เราจะหวนคืนกลับมาใหม่
แล้วหอบเอาเขากลับไป
สักวันหนึ่งเขาต้องเจอทุกข์
ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
วันนั้นเขาจะคิดถึงเรา จะตามหาเรา
วันนั้นจะเป็นวันที่
เขามีความพร้อมที่จะต้อนรับเรา
พร้อมที่จะฟังธรรม
ฟังคำแนะนำที่ดีจากเรา
๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
หลักสำคัญที่สุด...
ของการทำหน้าที่กัลยาณมิตร
คือ การปฏิบัติธรรม
กระแสความสุขใจ
จากการปฏิบัติธรรมของเรา
จะแผ่ขยายออกไปรอบตัว
แม้มองไม่เห็นด้วยตา
แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
ทุกครั้งที่ออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร
ให้จรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา
เราไปในฐานะผู้ให้...
ไปในฐานะยอดกัลยาณมิตร
แล้วจะต้องไปหวาดหวั่นอะไร
ไม่เห็นจะต้องไปทุกข์ใจอะไร
เพราะฉะนั้น...ให้ทำด้วยความสุข
แล้วก็สนุกกับการสร้างบารมี
๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
เมื่อทำหน้าที่กัลยาณมิตร
เราจะเจอบุคคล ๓ ประเภท
ที่อินทรีย์แก่กล้า บอกปั๊บ ทำทันที
อินทรีย์ปานกลาง พอได้ฟังแล้ว ขอคิดดูก่อน
อินทรีย์อ่อนๆ ประเภทนี้จะปฏิเสธพัลวัน
๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
การทำหน้าที่กัลยาณมิตร...ไม่ง่าย
ต้องเป็นผู้มีคุณธรรมสูง
ต้องทำด้วยความร่าเริง เบิกบาน
ต้องอดทน อดกลั้น อดออม
ให้อภัย มีเมตตาธรรม
ยิ้มสู้ ยิ้มรับกับถ้อยคำ
ที่เขากล่าวออกมาด้วยความไม่รู้
หรือด้วยความตระหนี่
ที่เข้าไปบังคับบัญชาอยู่ในใจเขา
๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
การที่เราไปทำหน้าที่ผู้นำบุญ
ก็เพื่อให้เพื่อนมนุษย์
ได้เห็นอันตรายของความตระหนี่
ให้รู้ว่า...มันอันตรายมาก
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕
การขยายความรู้อันบริสุทธิ์
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือ การขยายความสุขไปทั่วโลก
๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
เราทำความดีเพียงคนเดียว
ยังไม่พอ
ต้องชวนคนอื่นทำด้วย
๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑
เราต้องคิดว่า...
ชาตินี้จะต้องชวนคน
มาสร้างความดี
ให้ได้สักล้านคน...
เคยคิดอย่างนี้ไหม
๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
อย่าให้มีอะไรเป็นข้ออ้าง
ข้อแม้ เงื่อนไข
ในการที่เราจะ...ไม่ทำความดี
ไม่เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดี
ไม่ปฏิบัติธรรม
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
เมื่อเรามาถึงแสงสว่างก่อน
ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้อง
แบ่งปันแสงสว่างให้กับเพื่อนมนุษย์
แม้ยังไม่ได้เป็นพระอาทิตย์ยามเที่ยง
ก็เป็นตะเกียงดวงน้อยๆ
เป็นแสงสว่างในมุมมืดไปก่อน
๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖
อย่าอ้างว่า...ต้องเข้าสังคม
ต้องทำตามเขา
เข้าเมืองตาหลิ่ว
ไม่จำเป็นต้องหลิ่วตาตาม
เราต้องชวนคนตาหลิ่ว...ให้มาตาดี
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
“เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย”
ตั้งแต่โลกใบเล็กๆ
คือ ภายในครอบครัวของเรา
แล้วก็ขยายไปที่ทำงาน
หรือที่ไหนๆ ที่เราไปในทุกสถาน
ก็จะสว่างไสว...
๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ไม่ว่าเราจะเข้าไปอยู่ในสังคมไหนก็ตาม
เราจะต้องเป็นผู้นำเขาในการทำความดี
เราต้องเข้มแข็งให้เพียงพอ
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
อย่าให้เขาดึงเราให้ตกต่ำลง
เพราะความไม่รู้ของเขา
เราต้องเป็นกัลยาณมิตรให้เขา
เป็นแสงสว่างให้เขา
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
โลกนี้...
เป็นโลกแห่งการสร้างบารมี
สร้างความดีงาม
บัณฑิตจะสร้างแต่ความดีงาม
คนพาลก็จะสร้างแต่
บาปอกุศลกรรม
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
การที่เราไปชวนเขาทำบุญ
อย่าคิดว่า...
เราไปทำให้เขาเดือดร้อน
ความจริงเราไปช่วยเขา “ดับร้อน”
ร้อนด้วยความตระหนี่
ความหวงแหนทรัพย์
๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
เราไปชวนเขาทำบุญ
เท่ากับเราไปช่วยทำสมบัติเขาให้เกิดขึ้น
และช่วยรักษาสมบัติเขา
ให้ติดไปในภพเบื้องหน้า
๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ความตระหนี่กับการให้
มันต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลา
บุญกับบาปก็สู้กัน
มืดกับสว่าง
กุศลกับอกุศลสู้กันอยู่
อย่างนี้แหละ
๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ถ้าหากว่า ทำด้วยตัวเองด้วย
และไปชักชวนคนอื่นทำด้วย
เราก็จะสมบูรณ์พร้อม
ทั้งทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติ
๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
มีพรรค มีพวก
ความสะดวก...มันก็มี
ไม่มีพรรค ไม่มีพวก
ความสะดวก...ก็ไม่มี
๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ยามใดที่ประสบอุปสรรคของชีวิต
ทั้งๆ ที่เราเป็นนักบุญ
ก็อย่าทุกข์ใจ อย่าท้อใจ
สร้างความดีกันต่อไป
อดทนกันไปชาติหนึ่ง
อีกไม่กี่ปีก็จะหมดเวลาแล้ว
ภพชาติต่อไป
เมื่อต้นไม้แห่งบุญเราเติบใหญ่มันก็ให้ผล
บาปตามไม่ทัน เราก็จะปลื้มปีติกันตอนนั้น
๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐
การไปชวนคนทำความดี
บางคนก็ง่าย
บางคนก็ยากนิดหน่อย
บางคนก็ยากมาก
เป็นเรื่องธรรมดา
๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
ผู้มีบุญกำลังรอคอยเราอยู่
เป็นหลายๆ ล้านคน
ผู้มีบุญเหล่านั้น...
พญามารพยายามบดบัง
การติดต่อสื่อสารที่จะไม่ให้มาถึงเรา
แต่มันจะกันไม่อยู่ เมื่อเรายอมอนุญาต
ให้เท้าของเรา...พาตัวเราไปหาเขา
๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
หมู่ญาติ
ที่เคยสร้างบุญร่วมกับเรา...มีมาก
และกำลังรอคอยเราอยู่
๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ให้ใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์
ด้วยการสร้างบารมี
มีผู้ไม่รู้อีกมากมาย
ที่รอคอยพวกเราอยู่
ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ตรงนี้
ก็น่าเสียดายที่เพื่อนมนุษย์อีกมาก
จะต้องไปอบาย...โดยที่ไม่รู้ตัว
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕
เราไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร
เท่ากับเราไปช่วยชี้หนทางสว่าง
หนทางสวรรค์ให้เขา
และให้เขารู้จักเปลี่ยน
โลกียทรัพย์เป็นอริยทรัพย์
ที่สามารถนำติดตัวไปในภพเบื้องหน้า
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕
สิ่งที่ชาวโลกต้องการ
คือ ความรู้ที่ชาวโลกยังไม่รู้
นั่นคือความรู้ที่อยู่ในพระไตรปิฎก
ทั้งภายในพระคัมภีร์ที่อยู่ในตู้
และความรู้ภายในตัว
๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ชาวโลกเขาอยากจะรู้เรื่องราวของชีวิต
วิชชาความจริงของชีวิต
ซึ่งทางโลกไม่มีสอน
๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ลูกต้องเป็นเหมือนดวงตะวันน้อยๆ
หรือกล้าตะวัน
ไปที่ไหนๆ ก็ต้องทำที่นั่นให้สว่าง
อยู่คนเดียวก็ต้องมีแสงสว่างในตัว
อยู่สองคนก็สว่างสองคน
ใครเข้าใกล้...ก็ต้องให้เขาสว่าง
ตามเราไปด้วย
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
การดำเนินชีวิตของเรา
ให้เป็นต้นบุญต้นแบบ
ให้เป็นมรดกโลก
ให้ลูกหลานเดินตามรอย
ของเราต่อไป
๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น