บุญ บาป และกฎแห่งกรรม

นรก-สวรรค์-นิพพาน มีจริง พิสูจน์ได้
เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไร 3






๔๓.ตายแล้วไม่สูญ

ชีวิตหลังจากตายแล้วมีอยู่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงสอนอยู่ตลอดเวลา
เรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
เรื่องภพที่จะรองรับ ทุคติ สุคติ ต่าง ๆ
เหล่านี้พระองค์ตรัสมาหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นตายแล้วไม่สูญ มีภพภูมิรองรับอยู่
ตายแล้วไปไหน ขึ้นอยู่กับเราดำเนินชีวิตมาอย่างไร
ซึ่งต้องทำให้ถูกหลักวิชชา ต้องดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง
ต้องตายให้เป็น ตายให้ถูกหลักวิชชา
ชีวิตหลังจากตายแล้ว ไม่มีการทำมาหากิน
ชีวิตในปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป
ตัดสินกันที่ดีกับชั่วเท่านั้น ไม่ใช่เก่ง เฮง หล่อ รวย สวย ฉลาด
เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาให้ดี จะได้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง

๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗

-------------------------------

๔๔.ชีวิตหลังความตายมีจริง

อย่าเข้าใจเพียงว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
หรือเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ อะไรทำนองนี้
นั่นเป็นเรื่องราวของผู้ที่ไม่เคยรู้เหตุ
คือ ตัวทำไม่ได้ ไม่เคยเห็นใครทำได้ ก็เลยสรุปอย่างนั้น
หรือถ้าคิดว่า นรกสวรรค์มีจริง
แล้วจะทำโน่นทำนี่ที่ตัวอยากทำ มันไม่ได้ มันจะกลัว
แล้วความจริงรู้ได้อย่างไร
ก็รู้จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วทำไมต้องเชื่อ เพราะท่านเป็นบุคคลที่ควรเชื่อ
เพราะท่านหมดกิเลสอาสวะแล้ว
รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย
ชีวิตในสังสารวัฏ ภพภูมิต่าง ๆ อยู่ในคลองแห่งธรรมจักษุ
ในญาณทัสนะอันบริสุทธิ์ของท่าน ไม่มีอะไรกำบังได้
ท่านไปรู้ไปเห็นมา อาศัยมหากรุณา สงสารสัตวโลกทั้งหลาย
จึงนำมาถ่ายทอด มาอบรมสั่งสอน

๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗

-----------------------------

๔๕.นรกสวรรค์ มีจริง พิสูจน์ได้

เรื่องนรกสวรรค์ ผู้ที่เขามีรู้ มีญาณ
เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย
ในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ไปกันได้เยอะแยะ
ไปมาหาสู่กันเป็นปกติ แล้วก็สอนวิธีได้ด้วย
ความรู้นี้เป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ของเก่านำมาเป่าฝุ่นใหม่
เพราะฉะนั้น นรกสวรรค์มีจริง ๆ
และก็สามารถพิสูจน์ได้ด้วยพุทธวิธี
อย่าเพิ่งไปสรุปว่า เราพิสูจน์ไม่ได้
แต่ว่าเรายังไม่ได้พิสูจน์ วิธีพิสูจน์ก็มีอยู่
ถ้าทำตามสูตรนั้น มันก็พิสูจน์ได้
นี่เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้เอาไว้

๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗

------------------------------

๔๖.นรก สวรรค์ นิพพาน มีจริง

พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ท่านกล่าวว่า
ได้ธรรมกายแล้วศึกษาวิชชาธรรมกาย
ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ ไปนิพพานก็ได้
ไปจับมือถือแขนสัตว์นรกก็ได้ พูดจาโต้ตอบกันก็ได้
หมู่ญาติละโลกแล้วไปตกอยู่ในนรก ในอบาย ก็ไปช่วยได้
ถ้าหมู่ญาติไปอยู่สุคติโลกสวรรค์ก็ไปมาหาสู่กันได้
ไปจับมือถือแขนกันได้ พูดจาโต้ตอบกันได้ และยังไม่พอ
ท่านยังพูดถึงพระธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในอายตนนิพพาน ไปมาหาสู่กันได้ ไปได้แต่ไปอยู่ไม่ได้
ท่านว่าอย่างนั้น ไปกราบขอบุญขอบารมีท่านได้
นี่เป็นเรื่องแปลกและอัศจรรย์มาก อัศจรรย์ในพุทธานุภาพ
อานุภาพแห่งพระธรรมกาย ซึ่งมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
ใครเข้าถึงได้ก็ทำได้ ใครเข้าถึงไม่ได้ก็ทำไม่ได้

เพราะฉะนั้นก็มีวิธีเดียวแค่นั้น
คือปฏิบัติให้เข้าถึง ด้วยวิธีการทำใจให้หยุดให้นิ่ง
นี่เป็นเรื่องอจินไตย
คือเหนือวิสัยของการนึกคิดด้วยสติปัญญา
จะใช้จินตมยปัญญานึกคิดด้นเดาเอาว่า
จะเป็นไปได้อย่างไร
คิดไปก็กะโหลกบาน สติเฟื่อง
เพราะเหนือวิสัยการนึกคิด
มันเป็นวิสัยของผู้เข้าถึงปฏิบัติได้
และในสมัยท่านก็มีผู้เข้าถึงธรรมอย่างนี้มากมาย
จนกระทั่งสมัยนี้ เดี๋ยวนี้ ก็ทำกันได้มากทีเดียว

๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒

----------------------------------

๔๗.พยานยืนยัน

เรื่องนรก สวรรค์ นิพพาน
เป็นสิ่งที่มีจริง พิสูจน์ได้
ตอนสมัยหลวงพ่อไปเจอคุณยายอาจารย์ฯ1 ใหม่ ๆ
ก็ไปถามท่านอย่างนี้ ท่านก็ยืนยันว่า มีจริง พิสูจน์ได้
“คุณอยากไปไหมล่ะ เดี๋ยวยายจะสอนให้ แล้วก็ไปด้วยกัน”
ก็เห็นท่านพูดอย่างนี้
เพราะฉะนั้น นรก สวรรค์ นิพพาน มีจริง
พระธรรมกาย มีจริง
วิชชาธรรมกาย มีจริง
เข้าถึงแล้ว เราก็จะได้ไปพิสูจน์ของจริง ๆ
ได้ด้วยตัวของเราเอง

๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒

----------------------------------

คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย

๔๘.นรกสวรรค์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

เราอย่าเพิ่งสรุปว่า
นรกสวรรค์เป็นเรื่องไกลตัว ไม่มีจริง
นรกสวรรค์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวนะ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลย
เพราะทุกการกระทำนั้นจะมีผลโยงไปถึงภพภูมิหลังความตาย
บางครั้งเรายังหลีกเลี่ยงกฎหมายได้
แต่กฎแห่งกรรมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ในน้ำ บนบก ยอดเขา ในอวกาศ ดวงดาวต่าง ๆ
ตราบใดที่เรายังมีกายและใจ
ก็ติดตามตัวเราไปเหมือนเงาตามตัว
เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้เอาไว้
อย่าไปสรุปว่า นรกสวรรค์ไม่มี
เพราะเราไม่เคยเห็น แล้วก็ไม่เคยเห็นใครเห็น
แล้วสรุปว่า ไม่มี ไม่ได้
เพราะบางอย่างที่เราไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า ไม่มี
เพราะคนที่เขาเห็น มีอยู่

เหมือนคนตาบอดกับคนตาดีไปยืนกลางแจ้ง
คนตาดีชี้ให้ดูดวงตะวัน คนตาบอดบอก ไม่มี
เพราะว่าตัวเองไม่เห็น อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง
และอย่าพูดว่า “พิสูจน์ไม่ได้”
แต่เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ แล้วจะพิสูจน์อย่างไร
ก็มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทำตามอย่างนั้น
หรือง่ายที่สุดก็ทำตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่
ท่านสรุปมาให้ว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
ก็ทำอย่างนั้น แล้วเราก็จะได้รู้
เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งบอกว่า “พิสูจน์ไม่ได้”
แต่เพราะเรายังไม่ได้พิสูจน์
ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบตาย ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์
และต้องเผื่อเหนียวเอาไว้
ด้วยการละชั่ว ทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
พึงทำไว้เถิดประเสริฐนัก

๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

------------------------------

๔๙.คิดไม่เห็น

การที่เราจะพิสูจน์ว่า
นรกสวรรค์มีจริงไหม นิพพานมีจริงไหม
เราจะพิสูจน์ด้วยวิธีการได้อ่าน ได้ฟัง
คิดถกเถียงกันอย่างเดียวไม่ได้
มันอยู่ในระดับภาวนามยปัญญา
ต้อง ปญฺญาย ปสฺสติ เห็นด้วยปัญญา
แต่เป็นปัญญาในระดับภาวนามยปัญญา
คือต้องทำ ต้องปฏิบัติ
ต้องหยุดนิ่งจนกระทั่งเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัว

๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒

---------------------------------

๕๐.ทางสองแพร่ง

ชีวิตหลังความตายมีจริง
มีคติอยู่ ๒ ทาง
คือ สุคติ กับ ทุคติ
ตัดสินกันที่บุญและบาป
ใจใสหรือใจเศร้าหมอง
หากก่อนเดินทางไปสู่ปรโลกใจผ่องใสก็ไปดี
ถ้าใจเศร้าหมองก็ไปไม่ดี
และคติทั้งสองนั้นยาวนานนัก
สุคติ สุขก็สุขนาน
ทุคติ ทุกข์ก็ทุกข์นาน

๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗

------------------------------

๕๑.ไม่มีน้ำบ่อหน้า

ชีวิตหลังความตาย
ไม่มีการทำมาหากิน การทำมาค้าขาย
การทำไร่ ทำนา ทำสวน
เพราะฉะนั้นเราจะไปหวังโตเอาดาบหน้า
หรือหวังน้ำบ่อหน้าไม่ได้
จะเอาความชำนาญตอนที่เราเป็นมนุษย์
ไปใช้ในปรโลกไม่ได้เลย
ปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาป
ที่ตัวได้กระทำตอนเป็นมนุษย์
ชดใช้บาปก็ยาวนาน
เสวยบุญก็ยาวนาน

๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

---------------------------------

๕๒.อายุขัยชาวสวรรค์ ๖ ชั้น

ชีวิตในปรโลกนั้นเป็นชีวิตที่ทุกคนในโลกหนีไม่พ้น
เราอาจจะปฏิเสธในการไปประเทศใดประเทศหนึ่งหรือที่ใดที่หนึ่งได้
แต่ปฏิเสธการไปปรโลกไม่ได้
ชีวิตในปรโลกหรือชีวิตหลังความตายนั้นยาวนาน
ไม่ว่าชีวิตในอบายภูมิ หรือในสุคติภูมิก็ตาม
อายุขัยชาวสวรรค์ เปรียบเทียบกับอายุในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกา อายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ = ๙ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์ อายุ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ = ๓๖ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๓ ยามา อายุ ๒,๐๐๐ ปีทิพย์ = ๑๔๔ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๔ ดุสิตา อายุ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ = ๕๗๖ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๕ นิมมานรดี อายุ ๘,๐๐๐ ปีทิพย์ = ๒,๓๐๔ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตดี อายุ ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์ = ๙,๒๑๖ ล้านปีในเมืองมนุษย์

อายุขัยสัตว์นรก ๑ วัน เปรียบเทียบกับอายุมนุษย์
ขุม ๑ สัญชีวมหานรก อายุขัย ๕๐๐ ปีนรก ๑ วันนรก = ๙ ล้านปีมนุษย์
ขุม ๒ กาฬสุตตนรก อายุขัย ๑,๐๐๐ ปีนรก ๑ วันนรก = ๓๖ ล้านปีมนุษย์
ขุม ๓ สังฆาตนรก อายุขัย ๒,๐๐๐ ปีนรก ๑ วันนรก = ๑๔๔ ล้านปีมนุษย์
ขุม ๔ โรรุวนรก อายุขัย ๔,๐๐๐ ปีนรก ๑ วันนรก = ๒๓๔ ล้านปีมนุษย์
ขุม ๕ มหาโรรุวนรก อายุขัย ๘,๐๐๐ ปีนรก ๑ วันนรก = ๙,๒๑๖ ล้านปีมนุษย์
ขุม ๖ ตาปนนรก อายุขัย ๑๖,๐๐๐ ปีนรก ๑ วันนรก = ๑๘๔,๒๑๒ ล้านปีมนุษย์
ขุม ๗ มหาตาปนนรก ประมาณครึ่งอันตรกัป
ขุม ๘ อเวจีมหานรก ประมาณ ๑ อันตรกัป

๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

---------------------------------

๕๓.สังคมชาวสวรรค์

บุญที่เราทำตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นที่พึ่งในปรโลก
จะทำให้เราไปเกิดอยู่ในภาวะที่สูงส่งในสุคติโลกสวรรค์
เข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลาย
และเมื่อไปมีชีวิตอยู่ในสุคติโลกสวรรค์แล้ว
เราจะมาใช้ความคิดอย่างตอนที่เป็นมนุษย์อยู่ไม่ได้
ตอนเป็นมนุษย์ เรามักน้อย สันโดษ
มีกินมีใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อยู่ได้
หรืออยู่คนเดียวตามลำพังได้ เป็นมนุษย์คิดอย่างนี้
แต่ตอนเป็นอดีตมนุษย์ หรือเป็นชาวสวรรค์แล้วสังคมจะเปลี่ยนไป
สิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยน ความนึกคิดก็เปลี่ยน

ถ้าเราทำบุญมาน้อย รัศมีของเราก็น้อย
บริวารของเราก็น้อย วิมานของเราก็เล็ก
อย่างนี้ก็ต้องไปอยู่ไกล ๆ ถึงขอบภพ
ตอนนั้นจะมานึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า รู้อย่างนี้ทำบุญให้เต็มที่ก็ดี
หรือไปยืนรอคอยให้ลูกหลานของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกว่า
เมื่อไรเขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้เราสักที
เราจะได้อนุโมทนา
จะบอกเขา เขาก็ไม่ได้ยิน เข้าฝันก็ไม่ใช่ง่าย
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะมีชีวิตอย่างนั้น

๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

----------------------------------

๕๔.ชาวสวรรค์เขาวัดกันที่กำลังบุญ

ชีวิตในสุคติโลกสวรรค์
เขาวัดกันด้วยกำลังบุญ เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ
ดังนั้นเราจะต้องสั่งสมบุญให้มาก ๆ
เมื่อบุญมาก บริวารก็มาก สมบัติก็มาก
รัศมีก็สว่างไสว วิมานก็ใหญ่โตโอฬาร
เวลาเข้าหมู่เข้าพวกในเทวสมาคมเราก็จะได้รับยศ
ได้รับการยกย่อง และอยู่บนนั้นยาวนาน
ถ้าน้อยเนื้อต่ำใจก็ยาวนานหลายล้านปี
แต่ถ้าหากเบิกบานก็เบิกบานหลาย ๆ ล้านปี

๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

---------------------------------

๕๕.อย่าหวังน้ำบ่อหน้า

ชีวิตในปรโลก เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ด้วยบาป
ด้วยตัวของเราเอง
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
คือ เราต้องพึ่งตัวเอง ต้องช่วยตัวเอง
เราอย่ามัวมาหวังให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
ให้คิดว่านั่นเป็นผลพลอยได้
เพราะผู้ที่อยู่ในโลกมักจะถูกหล่อหลอมด้วยเรื่องราว
ที่ให้ข้องอยู่กับโลก ความรู้เรื่องวิชชาชีวิตไม่มี
มีแต่วิชาหาเลี้ยงชีพเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจะรู้เรื่องราว
เกี่ยวกับการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นั้น
อย่าพึงหวัง

แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม
ก่อนที่จะมารู้เรื่องราวความจริงของชีวิต
ก่อนนี้เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในปรโลก
ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษของเราละโลกไปแล้ว
เรายังไม่ค่อยจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเลย
หรือปีหนึ่งก็ทำกันครั้งหนึ่ง
โดยอ้างว่า ไม่มีเวลา จะต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขาย
ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวบ้าง อ้างกันไป
หรือบางทีก็เพราะความไม่รู้จริง ๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อยังมีชีวิตอยู่ให้สั่งสมบุญด้วยตัวเองไว้มาก ๆ

๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

----------------------------------

๕๖.ผู้อยู่ปรโลกปรารถนาบุญอย่างยิ่ง

เมื่อเราทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้หมู่ญาติที่ละโลกไปแล้ว
หมู่ญาติเขาก็จะอนุโมทนาสาธุการ เมื่ออนุโมทนาสาธุการแล้ว
จากทุกข์มากก็ทุกข์น้อย ทุกข์น้อยก็พ้นทุกข์
สุขน้อยก็สุขมาก สุขมากแล้วก็มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
ญาติที่ละโลกไปแล้ว เมื่อพ้นทุกข์และมีสุขด้วยบุญที่เราอุทิศไปให้
เขาจะอนุโมทนาขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง
พวกที่พ้นจากอบายก็จะดีใจมากเป็นพิเศษ
จะตื่นเต้นดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
ส่วนที่อยู่ในสุคติภพก็จะมีอาการปลื้มใจอย่างสงบเสงี่ยมสง่างาม
อาการก็จะแตกต่างกันไป
ส่วนผู้ที่ยังต้องเสวยวิบากเป็นสัตว์เดรัจฉานอยู่ก็ต้องรอคอยจังหวะ
แต่ก็ได้ลดหย่อนกระแสวิบากกรรม
จากที่จะต้องใช้กรรมจำนวนมากชาติก็ลดหย่อนลงมา

ผู้ที่อยู่ในปรโลกมีความปรารถนาบุญอย่างยิ่ง
เพราะบุญเป็นทุกสิ่งในปรโลก
เนื่องจากชีวิตในปรโลกไม่มีการทำกิจแบบมนุษย์
ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่มีการค้าขาย
ไม่มีการทำไร่ ทำนา ทำสวน
เป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาปที่กระทำไว้ตอนเป็นมนุษย์
เมื่อผู้มีชีวิตอยู่อุทิศส่วนกุศลไปให้
ก็จะตรงกับที่ผู้รับปรารถนาและก็ใช้ได้ด้วย
และเนื่องจากเขาได้ไปเห็นผลแห่งการกระทำแล้ว
เขาจะตั้งจิตอธิษฐานให้เราสั่งสมแต่กุศลธรรมตลอดชีวิต
ให้เราเป็นผู้ไม่ประมาทในการสั่งสมบุญ
ให้ทำทาน ไม่ให้มีความตระหนี่ ไม่หวงแหนทรัพย์ที่ได้มา
แล้วอำนวยพรให้เราเจริญรุ่งเรืองในการประกอบสัมมาอาชีวะ
ให้อยู่เย็นเป็นสุข ต่างก็มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกันอย่างนี้

๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Facebook