เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไร 3
๙๓.สร้างวัดใหญ่จะไปแข่งกับใคร
การสร้างวัดใหญ่ไม่ได้แปลว่า เราจะไปแข่งกับใคร
บางคนถามหลวงพ่อว่า
“ที่สร้างใหญ่ ๆ นี่ จะไปแข่งกับเมกกะหรือ”
ขอยืนยันด้วยความสุจริตใจว่า “ไม่ได้แข่ง”
แต่เพราะการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกนั้นทำตามลำพังไม่ได้
ทุกคนในโลกต้องมีส่วนในการสร้างสันติสุข
ต้องช่วยกันทำ สันติสุขที่แท้จริงจึงจะบังเกิดขึ้นแก่โลก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ
สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี
คำว่า “สันติ” จึงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ปรารถนากันทั้งนั้น
และทำตามลำพังไม่ได้ ทั่วโลกต้องช่วยกันทำ
เพราะฉะนั้นถ้าสร้างเล็ก ๆ มันก็ไม่พอที่จะรองรับ
และต้องจำไว้ว่าสิ่งดี ๆ เริ่มต้นที่นำใจมาหยุดนิ่ง
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้เท่านั้น
ถ้าทุกคนทั่วโลกทำตรงนี้ได้แล้ว
เดี๋ยวสันติสุขจะบังเกิดขึ้นทันตาเห็น
ก่อนที่เราจะหลับตาลาจากโลกนี้ไป
๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗
๙๔.ไม่อยากให้ตายฟรี
ในใจหลวงพ่อคิดเพียงว่า
“ทำอย่างไรจะสร้างวัดให้เสร็จ ให้ทันใช้”
เพราะอายุก็ล่วงเลยมา ๖๐ กว่าปีแล้ว
ไม่เคยคิดว่า ตอนนี้เราจะทำประตู กำแพง โบสถ์ หรืออะไรอย่างนี้
คิดแค่ว่า จะสร้างวัดให้เสร็จ ปฏิบัติธรรม สอนธรรมะ
ชวนคนทำความดี แสวงหาพระรัตนตรัยในตัว
คิดเพียงสั้น ๆ แค่นั้น
และเมื่อสร้างวัดเสร็จ
ก็ถึงช่วงขยายพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก
ก็คิดเอาโลกใบนี้มาตั้งไว้ในใจ คิดว่าเราจะต้องขยายไปให้ได้
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ และเป็นไปตามความตั้งใจ
ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ที่ท่านอยากให้พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายขยายไปทั่วโลก
กับเป็นพุทธประสงค์ที่จะให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
ได้เข้าถึงธรรมะด้วยคำสอนของพระองค์
คำว่า “มนุษย์” ในที่นี้ หมายถึง ทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย
ไม่ว่าจะเกิดกันมากี่ยุคก็ตาม คำสอนของพระองค์มีไว้เพื่อมนุษย์ทุกคน
เพราะฉะนั้น การสร้างวัดขึ้นมา
ไม่ใช่เพื่อความอยากเด่นอยากดังหรืออยากอะไรเลย
นอกจากอยากให้มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ไม่ตายฟรี
เกิดมาชาตินี้ให้รู้ว่ามีพระรัตนตรัยในตัว
เขาสามารถสมหวังในชีวิตได้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด
ไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้ คือการทำสมาธิ
ฝึกใจให้หยุดนิ่งภายใน ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
๙๕.วัดรวย วัดจน
เป็นพระนี่ อยู่เหนือความรวยความจนนะ
พระไม่ได้คิดเรื่องรวยและก็ไม่ได้คิดเรื่องจน
มันเหนือตรงนั้นไปแล้ว
วัดก็เหมือนกันอยู่เหนือคำว่า “วัดรวย” หรือ “วัดจน”
“วัด” เป็นเครื่องวัดของคนเข้าวัดว่า
กิเลสหรือสิ่งไม่ดีนั้นหมดไปแค่ไหน
ยังเหลืออีกแค่ไหน และก็เป็นสถานที่ตักตวงบุญ
เป็นแหล่งเนื้อนาบุญ
เป็นแหล่งแห่งความรู้อันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ไม่ผิดพลาด มีสุคติเป็นที่ไป
มีเป้าหมายคือพระนิพพาน เราจะมองที่ถาวรวัตถุ
หรือจำนวนคนเข้าวัดว่า วัดนี้รวย วัดนี้จน ไม่ถูกนะ
วัดหลวงปู่หลวงตาในหลาย ๆ วัดที่ต่างจังหวัด
ท่านมีแค่กุฏิหลังเล็ก ๆ
มีทางจงกรม มีที่พักกลางวัน
มีศาลาอเนกประสงค์
ที่ท่านทำอย่างนั้น เพราะท่านมีวัตถุประสงค์ต้องการที่จะปลีกวิเวก
เพื่อให้กายสงัด ใจจะได้สงัด กิเลสจะได้หมดไป
นั่นวัตถุประสงค์ของท่าน ไม่ใช่ท่านจน
ถ้าท่านจะสร้างให้ใหญ่โตท่านก็ทำได้
แต่ท่านไม่ได้มีวัตถุประสงค์อย่างนั้น
ใครมีบุญอยากได้บุญก็มาฟังธรรม
ไม่มีใครมา ท่านก็ปฏิบัติธรรม ทำความเพียรของท่านไป
มันแล้วแต่วัตถุประสงค์
อย่างวัดใหญ่ ๆ หลาย ๆ วัด โดยเฉพาะวัดพระธรรมกาย
ที่สร้างก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเอาไว้เป็นสถานที่ประพฤติธรรม
ให้สาธุชนผู้มีบุญทั้งหลายที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างไกลนัก
รถวิ่งสักชั่วโมง ชั่วโมงครึ่ง ได้มาปฏิบัติธรรมรวมกัน
เป็นพลังหมู่ในการปฏิบัติธรรม
ในการศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นจะให้ไปตากแดด ตากลม ตากฝน ก็ทำไม่ได้
เมื่อคนมาเยอะก็ต้องสร้างใหญ่
ไม่ได้เกี่ยวกับรวยหรือจนเลย
เพราะว่าวัดหลวงพ่อเอาไปขายไม่ได้
แล้วไม่เคยคิดจะไปขายด้วย
เลิกคิดเรื่องค้าขายหรือทำมาหากินตั้งแต่บวชแล้ว
หรือมหาธรรมกายเจดีย์ ที่สร้างก็เพื่อเป็นที่รวมใจให้คนนึกถึงบุญ
นึกถึงพระรัตนตรัย ใจจะได้เป็นกุศล
เมื่อใจเป็นกุศล เลื่อมใสในพระรัตนตรัย
จะได้เป็นรหัสผ่านไปสุคติภพ
วัตถุประสงค์เป็นอย่างนี้จึงได้สร้าง
เพราะฉะนั้น วัดอยู่เหนือความรวยหรือความจน
ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน
ส่วนเมื่อเข้าใจแล้วจะไปทำบุญที่ตรงไหน
มีศรัทธาตรงไหนก็ไปทำตรงนั้น
ศรัทธาอยากสร้างโรงเรียน ก็สร้างโรงเรียน
ศรัทธาอยากสร้างโรงพยาบาล ก็สร้างโรงพยาบาล
หรือสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งรักษาไข้ทางกาย
และให้วิทยาทานพอแล้ว เราจะมาสร้างโรงพยาบาลรักษาไข้ทางใจ
หรือมาสร้างโรงเรียนเป็นที่ศึกษาธรรมะ ก็มาสร้างวัด ก็แล้วแต่เรา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียงขั้นตอนของการทำบุญ
ที่จะได้บุญมากมาก-บุญน้อย ตามลำดับ
ตั้งแต่ให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน กับมนุษย์ทุศีล
มนุษย์มีศีล มนุษย์เข้าถึงธรรม ถึงฌานสมาบัติ
เป็นโคตรภูบุคคล เป็นพระอริยบุคคล
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไล่เรื่อยไปถึงสร้างถาวรวัตถุ
เรียงลำดับปริมาณของบุญที่จะได้มากกว่ากันไปตามลำดับ
พระองค์ก็บอกเอาไว้แล้ว ซึ่งมีอยู่ในตำรับตำรา
เมื่อเราทราบอย่างนี้ ก็แล้วแต่ใจของเราจะไขว่คว้าเอา
๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
ทำบุญกับสัตว์เดรัจฉาน ได้อานิสงส์ ๑๐๐ ชาติ
ทำบุญกับมนุษย์ทุศีล ได้อานิสงส์ ๑,๐๐๐ ชาติ
ทำบุญกับผู้ที่มีศีล ๕ ได้อานิสงส์ ๑๐๐,๐๐๐ ชาติ
ทำบุญกับผู้ที่ได้ฌานสมาบัติ ได้อานิสงส์ แสนโกฏิชาติ
(โกฏิ = ๑๐ ล้าน)
ทำบุญกับทักขิไณยบุคคล ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภูเรื่อยไปเลย
ถึงพระอริยเจ้า พระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอนาคามี พระอรหัต
ได้อานิสงส์ อสงไขยอัปมาณัง คือจะนับจะประมาณมิได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น